ผู้ติดตาม

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประชุมเพลงยาว ภาคที่ ๖ เพลงยาวความเก่า

๏ แสนรักร้อนฤทัยใครจะเห็น
ดั่งแขกตีอกครวญกำสรวญเซ็นมิได้เว้นวันเทวษเพราะเจตนา
แต่เวียนปรามห้ามใจอาลัยสวาทอย่าหมายมาดตรุณเรศกับเชษฐา
ไม่ควรปรองดองชื่นชูชีวาจึงสู้ฝ่าฝืนจิตต์คิดตริตรอง
ก็เหลือดำรงทรงใจอาลัยรักจนอินทรีย์ฉวีพักตรก็คล้ำหมอง
ประมาณปีก็ถึงสี่ปีปองแต่น้องครองทุกข์เทวษถวิลครวญ
หวังจะฝากชีวาลัยไว้ในพี่ด้วยภักดีเดียวมุ่งบำรุงสงวน
จึงพร้องสาราร่ำแต่คร่ำครวญน้องรัญจวนใจสวาทเพียงขาดใจ
แม้เชษฐามิได้ปราณีสนองจะมีแต่หมองหม่นจิตต์ด้วยพิสมัย
เหมือนวนว่ายอยู่ในสายสมุทร์ไทจะพึ่งไม้ขอนยุดก็สุดมือ
ดั่งบุรุษมุ่งสมรอับสรสวรรค์ที่ไหนนั่นจะได้ต้องประคองถือ
วิหคหาญผ่านสมุทร์ให้โลกลือแต่กระพือปีกบินก็สิ้นแรง
ดั่งเฉาชายหมายเจาะไศลหลวงจะหาดวงวิเชียรรัตนจำรัสแสง
เหมือนมยุเรศกระสันตวันแดงกระต่ายแขย่งแขไขน้ำใจจง
ถึงเพียรพากยากที่จะสำเร็จตราบบรรลัยก็ไม่เสร็จสมประสงค์
ประหนึ่งน้องปองฝากชีวันปลงก็เห็นคงจะไผ่ผอมด้วยกรอมใจ
ชรอยวาสนาหลังทั้งสองสร้างเคยเปนน้องพี่นางแล้วหรือไฉน
จึงดลจิตต์อนุชาให้อาลัยแต่จะใคร่ได้สนิทชิดชวนเชย
ทุกเช้าค่ำพร่ำเทวษถวิลถึงนึกคะนึงแต่เชษฐานิจจาเอ๋ย
ช่างกะไรไม่เห็นอกวิตกเลยยามนอนกรเกยก่ายพักตรา
ยามกินกินระกำกล้ำกลืนแค้นกำสรดแสนเศร้าโทมนัสสา
จนลืมเล่นกลอนละครแลสักรวาลืมเวลาเฝ้าแหนแสนสำราญ
อันสัตรีคู่เชยเคยเริงรื่นจะชวนชื่นก็ไม่ชอบฤดีสมาน
เคยกลั้วกลิ่นบุบผาสุมามาลย์พอกลิ่นพานนาสาก็เสียวใจ
ถวิลถึงพี่นางของน้องนักยิ่งแรงรักแรงร้อนถอนใจใหญ่
ต้องทิ้งกลิ่นประทิ่นหอมออมอาลัยดั่งเนาในกองอัคคีจี้จุดกาย
ถึงจะเอาอมฤตมารินรดซึ่งกำสรดโศกฤทัยนั้นไม่หาย
แม้นวันใดได้เห็นพักตรพี่ทักทายนั่นแลคลายร้อนรักที่หนักทรวง
เมื่อมีแต่เกรียมกรมอารมณ์หมองชีวิตน้องนี้เห็นคงจะลับล่วง
พี่อย่าแหนงเลยว่าแสร้งแต่งลิ้นลวงนี่หากห่วงอยู่ด้วยพี่จึงมิตาย
เปรียบประหนึ่งพลอยเพ็ชรสิบเจ็ดกะหรัดนายช่างตัดเจียรนัยให้สลาย
ถึงผูกเรือนรจนาลงยาระบายราคาขายคงต่ำค่าเพราะราคี
จะสอดใส่ใครเห็นก็คงติด้วยเปนตำหนิในเนื้อเจือรัศมี
อันความวิตกฮกน้องหมองฤดีก็แสนสลายคล้ายมณีที่เปรียบปราย
ถ้าเชษฐาเอนดูช่วยอุปถัมภ์ก็จะไม่ชอกช้ำสล่ำสลาย
ถึงมีเรือนก็เหมือนไร้เพราะเรือนคลายไม่เพริศพรายเคียงคู่ชมพูนุท
จงเห็นทุกข์เถิดที่กรมอารมณ์หมองจงเห็นว่าน้องรักพี่เปนที่สุด
ขอร่วมชีพชีวันด้วยตราบม้วยมุดขอเปนนุชน้องพี่แต่นี้ไป
เปนความสัตย์มิได้คัดวาทีแถลงถ้านึกแหนงแคลงความจงถามไถ่
ขอเชิญตอบสารสวัสดิ์อย่าขัดใจเหมือนพี่ได้เมตตาการุญรัก
เหมือนพี่พร้องสนองเรื่องกลับเคืองแค้นก็จะแสนสุดวิตกเพียงอกหัก
ด้วยหวังสวาทเชษฐาหนักหนานักจงแจ้งประจักษ์ใจจริงทุกสิ่งเอย ฯ ๔๒ คำ ฯ
            

๏ แสนเทวษถวิลถึงคนึงสมร
ให้ด่าวดิ้นวิญญาด้วยอาวรณ์จะนั่งนอนถอนฤทัยอยู่ไม่รู้วาย
ครั้นคิดความเมื่อยามรื่นก็ชื่นจิตต์ครั้นคืนคิดข้างโพยภัยก็ใจหาย
อุราร้อนรุมสวาทไม่คลาดคลายแต่ไกลสายสมรพี่ปิ่มปีเกิน
มิได้พานพบน้องสนองถ้อยต้องม้วนม่วยพักตรหมางระคางเขิน
เพราะเกรงความจึงต้องจำทำสเทินเห็นการเกินแล้วจึงก่อรังเกียจกัน
เมื่อแรกรักก็ได้ว่าสัญญามิตร์คงจะคิดให้เสร็จสมภิรมย์ขวัญ
ถึงฉาวเรื่องก็จะรับในราชทัณฑ์แต่อย่าหันเหิรห่างระคางเคือง
พี่อุส่าห์เพียรพากสู้ยากจิตต์เห็นชอบผิดจึงอภิปรายขยายเรื่อง
ก็รับรวยว่าจะช่วยทุกข์ประเทืองค่อยปลดเปลื้องร้อนฤทัยตั้งใจเตือน
พอเปนเคราะห์เพราะเวรสร้างแต่ปางหลังความชอบลับกลับชังจึงกลายเกลื่อน
ทั้งต้องเมินหมางเมียงเบี่ยงเบือนเห็นความเชือนก็กลับช้ำระกำใจ
โอ้อกเอ๋ยอนิจจาน่าสงสารแต่ก่อนกาลเราได้ทำกรรมไฉน
เคยพรากสัตว์ให้พลัดกันหรือฉันใดจึงเปนไปได้ดั่งนี้เพื่อมีกรรม
เมื่อจวนจะเสร็จสมปองประคองชื่นหรือคงคืนมาได้ทุกข์ถึงความขำ
สารพัดจะเปนพิษจนผิดระยำทุกเช้าค่ำมีแต่ตรอมออมอาลัย
ครั้งนี้นะชะช้าอิกสักนิดก็จะได้สมคิดที่พิสมัย
แต่นี้ตั้งแต่โศกวิโยคใจเหมือนหมายไม้สุดมือจะถือชม
จะเปรียบปรายคล้ายอิเหนาเยาวลักษณ์เมื่อแรมรักร้อนฤทัยจะใคร่สม
แต่วันเห็นพระน้องนึกตรึกนิยมจะนั่งนอนร้อนอารมณ์ไม่สมฤดี
วันไหว้พระบนกุหนุงก็มุ่งหมายได้แนบกายกนิษฐายาหยี
เอาคำมั่นสัญญาพาทีมะดีหวีก็รับสัตย์ปฏิญาณ
ว่าจะช่วยกว่าจะสมอารมณ์มุ่งครั้นกลับกรุงก็แกล้งล่อแต่พอหวาน
แต่ตักเตือนเลื่อนผัดจนนัดการแล้วกลับราญรอนสวาทขาดอาลัย
พระยังหม่นหมองหมางไม่ห่างเหือดก็พ่างเลือดตากระเด็นจนเปนไข้
ประหนึ่งเรียมเกรียมกรมระทมใจจะพึ่งใครไม่หยั่งเห็นจะเปนการ
ยิ่งสลดฤทัยอาลัยรักด้วยแหล่งหลักก็เปนคาวร้าวฉาน
สงสารน้องจะต้องทิ้งไว้นิ่งนานจะมีแต่ทานทนทุกข์ฉุกใจกรอม
โอ้อกเราสองรานิจจาเอ๋ยได้ชื่นเชยสามสี่ราตรีถนอม
ยังจำท่วงทีเคารพนบประนอมอันกลิ่นหอมนั้นยังติดนาสารวย
แม้นเบื้องหน้าถ้าได้พบพานบ้างเจ้าอย่าหมางหมองเมินเขินขวย
อย่าลืมที่คำชอ้อนอ่อนรทวยอย่าลืมสัตย์ซึ่งจะม้วยด้วยรักแรง
อันฝ่ายพี่นี้มิลืมถ้อยคำพร้องเปนความจริงสิ่งนี้น้องอย่านึกแหนง
แม้นแจ้งประจักษ์พจมานในสารแสดงเจ้าอย่าแพร่งพรายความไม่งามพักตร์
สงวนกายสายสมรไว้ก่อนนะเจ้าถ้าบุญเราคงจะได้สมานสมัค
ทุกวันนี้พี่คนึงถึงน้องนักอาลัยรักสมรมิตรเปนนิจเอย ฯ ๓๖ คำ ฯ
            

๏ หวังวิโยคโศกสร้อยละห้อยโหย
ได้เห็นกันเมื่อวันเสด็จโดยเจ้าเซ็นโอยอกอ้อนอาดูรแด
ได้นัดนวลว่าจะชวนไปเปนเพื่อนยังอ้ำเอื้อนอยู่ไม่วางอารมณ์แน่
ถึงวันไปไปเตือนก็เชือนแชช่างคิดแก้ว่าจับไข้มาหลายวัน
ยิ่งถามเจ็บก็ยิ่งเจ็บนั้นสุดจิตต์เห็นโรคผิดใจจริงทุกสิ่งสรรพ์
ยิ่งวอนว่าก็ยิ่งว่าไม่รักกันจะไปนั้นไม่ได้แล้วอย่าวอนชวน
พอขาดคำจำลาเจ้ามาบ้านเร่งทยานยวนใจให้โหยหวน
พอพานพบเพื่อนชายภิปรายชวนให้ดูขบวรแห่มาแล้วพาจร
ดาดาษด้วยราษฎรมีรัศมีเพลิงสว่างกระจ่างสมร
ประชาชายลอยชายกรายกรเห็นเจ้าจรเจียนถือข้อมือชาย
ถามข่าวได้แต่ตาประสารักนี่ไข้หนักจริงหรือพึ่งรื้อหาย
จะใคร่เคียงเข้าไปถามเอาความชายเกรงจะกลายเปนวิวาทใช่ชาติพาล
เออก็ควรหรือจะชวนให้ชื่นรักไม่คิดศักดิ์เลยว่าศักดิ์นั้นสมสถาน
รักจะทำก็อย่าทำทุราจารนี่สันดานหรือจึงดานฤดีเปน
ใช่ว่าชายนั้นจะเชยแต่พอชื่นไม่ขาดคืนไยจึงคืนมาให้เห็น
หรือจะลองดูที่คลองวารีเย็นถึงเปนก็ไม่เปนให้ลับตา
ได้เห็นใจแล้วที่ใจอาลัยนักไม่เห็นรักพารักมาใส่หน้า
พอใจชมก็ได้ชมกิริยาอันสัจจาสัตย์จริงทุกสิ่งแสดง
ถึงเสียรู้ก็ได้ดูประหลาทเนตรหวังเทวษก็ได้เวทนาแหนง
ไม่แคลงใจทีนี้ใจจะจำแคลงจะเอาเหล็กสักแทงไว้ดูรอย
มาดแม้นหญิงใดประไพพิศอย่าควรคิดเร่งคิดขยั้นถอย
จงเจียมใจอย่าเศร้าใจอาลัยลอยอย่าน้อยใจใช่ชายจะหมิ่นชาย
นี่ถือเยี่ยงอย่างดุเหว่าหรือเยาวลักษณ์จะไข่ให้กาฟักอย่าพักหมาย
เสียแรงรักไม่ควรรักจักเคลื่อนคลายแสนเสียดายเพียรพากสู้ยากเย็น
ชะกระไรเชื่อถ้อยชรอยจิตต์ไหนจะย้อนซ้อนคิดไม่คิดเห็น
ถึงเสียชู้ก็ได้รู้เชิงชู้เร้นชื่อว่ามิตรมิดเม้นเช่นนี้เจียว
ประหนึ่งหงส์หลงเล่นชลาสินธุ์มุจลินท์สระสนานไม่ดาลเฉลียว
เที่ยวซอกซนจากาเข้ากลมเกลียวทั้งหนามเหนี่ยวเกี่ยวขนหล่นหลุดยับ
ก็ยังแต่จะรบัดผลัดขนใหม่จะงามวิลัยคมขำดำขลับ
ถ้าใครโยนเหยื่อตรงก็คงรับจึงจะนับแล้วว่าหงส์นี้วงศ์กา
หรือใจหวังดั่งโฉมอนงค์นาฎกากีศรีวิลาศเสนหา
เมื่อหน่ายในกรุงกษัตริย์ภัศดาจึงตามพญาเวนไตยไปฉิมพลี
ครั้นได้รู้รสภิรมย์สมสนิทก็เบื่อจิตต์จางรักในปักษี
พอเห็นนายนาฎกุเวนก็ยินดีแสร้งทำทียียวนชักชวนเชย
ในเวลาทิวาวันคนธรรพ์สมปางปฐมยางครุฑร่วมเรียงเขนย
ไม่จางใจในรสสังวาสเลยนิจจาเอ๋ยช่างมาเหมือนนิทานพาล
หรือจะเห็นดีแก่ใจอย่างไรอยู่ก็ย่อมรู้อยู่ทีเดียวว่าเปรี้ยวหวาน
เมื่อมิเศร้าแล้วก็สรวลไม่ควรการแต่อย่าประจานพักตรน้องให้หมองนวล
ไม่รักตัวเลยว่าบัวบงกชรัตนในจังหวัดสินธุวงศ์ไว้จงสงวน
จะคลี่คลายขยายแย้มต่อยามควรอรุณจวนจะส่องแสงจึงแบ่งบาน
มิได้เลือกเลยอุบลทุรนแบะให้ร่านบุ้งมุ่งแทะเปนอาหาร
แมลงภู่นั้นว่ารู้รสสุมาลย์ก็ควรบานกลีบรับสำหรับเชย
เออเมื่อกบหลบร้อนเข้าอาศรัยจะแย้มให้กบกลั้วหรือบัวเอ๋ย
มาเลียนเล่นเช่นนี้ยังมิเคยจะดมเตยต่างดอกรสสุคนธ์
เห็นว่าจะเปนแล้วกลับหายคล้ายคล้ายเหมือนจะชังแล้วยังฉงน
นี่เพราะรักร้อนร่านเหลือทานทนจึงนิพนธ์สารแสดงมาแจ้งเอย ฯ ๔๖ คำ ฯ
            

๏ สารสัตย์สุจริตไม่คิดแหนง
เห็นแล้วที่ว่าจริงทุกสิ่งแสดงถึงมิแจ้งก็มาแจ้งว่ารักเรา
นี่ผีบอกดอกกระมังชาววังเอ๋ยเห็นเชิงเชยผิดกระบวรสำนวนเจ้า
ดูแหลมความออกที่ถามคดีเดาพี่มัวเมาเสน่ห์อยู่พึ่งรู้นาง
ก็น่าสรวลควรหรือน้องเปนสองพักตร์ไม่ทันคิดเลยว่ารักจะเร็วหมาง
เมื่อหลายหูแล้วเขารู้เรื่องระคางหาไม่ร้างรักน้องให้หมองนวล
อย่าเสแสร้งแกล้งกล่าวให้ฉาวเรื่องก็จะรื้อลือเลื่องเครื่องคนสรวล
เห็นสมศักดิ์สมนามทั้งงามกระบวรเห็นสมควรที่เปนชาติเชื้อชาววัง
เห็นสมทั้งคารมรับช่างกลับกลอกดั่งระลอกกลิ้งกลบกระทบฝั่ง
เห็นสมคำสารพัดที่สัจจังนี่สมหวังแล้วสิเจ้าจึงเมามัน
เสียดายชื่นเมื่อยามเคยเชยสมรเสียดายที่ทำชอ้อนให้รับขวัญ
เสียดายยศประดิพัทธจนอัศจรรย์เสียดายชั้นเชิงกระบวรให้ยวนใจ
ยังไม่ทันจืดจางในทางเสน่ห์สิกลับเร่ร่ายรักยักอย่างใหม่
ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นยิ่งเปนไปเอออะไรยังมาก่อให้ต่อความ
ไม่รู้หรือว่ารักพ้องเปนสองรักไม่เห็นพักตรพี่หรือจึงรื้อถาม
พี่ติดเชยอยู่จึงชวดไปชมงามใช่จะขามเคืองใจหาไม่เลย
ก็จริงแล้วที่ว่าพี่นี้มีมากเปนแต่หลากชมลองดอกน้องเอ๋ย
ที่มั่นหมายแลกลายไปเปนเตยพี่จะเชยไปกระนั้นสักพันนาง
กว่าจะต้องอารมณ์เราช่างเย้ายั่วเช่นวันทองสองผัวเปนตัวอย่าง
จะถนอมแนบกายไม่วายวางถึงขุนช้างจะชิงเชยไม่เฉยแช
ถ้าอุประมาก็เหมือนลำแม่น้ำใหญ่ร่วมรับชลาลัยได้หลายกระแส
เปนที่จอดทอดสำเภาแลเรือแพออกแซงแซ่ขวักไขว่ทั้งไปมา
คิดอย่างไรขึ้นหรือเจ้าจึงเดาถามจะสมทบกลบความพองามหน้า
น้อยหรือถ้อยคำมั่นที่สัญญาจะต้องว่าเสียให้สิ้นสำนวนกลอน
แต่แรกเริ่มเดิมได้ภิรมย์รักถนอมนักมิให้ขัดมนัสสมร
สุดแสนสวาทคำที่ร่ำชอ้อนให้พาจรปลอมประชาทุกราตรี
เมื่อครั้งฟังช้าหงส์ก็สงสัยเหมือนโกรธขึ้งจึงมิไปด้วยกับพี่
พอเลื่อมรู้ข่าวระคายว่าร้ายดีเขาบอกมี่ก็ไม่แหนงรแวงความ
เพราะเชื่อใจอยู่ว่าใจเจ้าจงรักเห็นเกินนักจึงมิได้ออกปากถาม
สู้แค่นขืนฝืนฝ่าพยายามแต่ติดตามพากเพียรเจียนขวบปี
แล้วยังซ้ำทำไถลมาให้เห็นว่าจะไปดูเจ้าเซ็นแล้วแสร้งหนี
ต่อตามพบจึงได้ล่วงรู้ท่วงทีทำหลบลี้เมียงเมินสเทิ้นอาย
นี่หากกล้าฝ่าเข้าไปทักถามจึงได้ความว่าเปนเนื้อในเชื้อสาย
ก็นึกอางขนางใจอยู่ไม่วายด้วยเชิงชายนั้นสนิทผิดทำนอง
ครั้นชวนเชิญเดิรเล่นอย่างเช่นหลังก็นิ่งนั่งเสียมิเยื้อนเหมือนหมางหมอง
จะให้สลาสิเคยเลือกก็เสือกซองแกล้งต้องลองก็สะบัดว่าขัดใจ
แต่หลีกเลี่ยงเบี่ยงเบือนทำเชือนเฉยเมื่อไม่เคยเลยเห็นผิดนี่คิดไฉน
เปนสองครั้งแล้วยังไม่สิ้นอาลัยจนวันไปผ้าป่าเคยพาจร
ได้นัดแนะว่าจะแวะมารับเจ้าอย่างไรเล่าเธอไฉนจึงไปก่อน
ประหลาดใจหรือจะแค้นหรือแสนงอนหรือจะซ้อนกลคิดปกปิดความ
จึงรีบเรือตามมามหานาคตั้งแต่ปากคลองเลี้ยวก็เที่ยวถาม
ได้กลิ่นร่ำอบอายก็พายตามจนพบงามฟังกลอนครึ่งท่อนฮา
ให้แซกเรือเข้าไปชิดแล้วพิศทั่วกำลังมัวอยู่เจียวหนอหัวร่อร่า
จึงกระแอมให้ประจักษ์เบือนพักตรมาได้ทัศนาหน้าพี่เปนที่อาย
ให้ถอยเรือเสียไม่ฟังละช่างหยาบพี่ก็ทราบเชิงเชือนในเงื่อนสาย
อุส่าห์ฝ่าฝืนพักตรสู้ทักทายไม่ภิปรายตอบคำทำมึนตึง
เมื่อรู้เช่นเห็นครบคำรบสามซึ่งแหนงความมาแต่หลังพึ่งหยั่งถึง
คิดจะใคร่ฉาวชื่อให้ลืออึงก็เหมือนหนึ่งสาวไส้ให้กากิน
พี่สู้อดออมฤทัยอาลัยสวาทเห็นว่าวาสนาสร้างค่อยห่างถวิล
นึกมานะในสันดานด้วยพาลทมิฬอันแผ่นดินจะไร้หญ้านั้นอย่าคิด
ซึ่งความขำล้ำลึกนั้นนึกไฉนก็แจ้งใจเสียแล้วเจ้าอย่าเฝ้าปิด
อันควันไฟใครห่อนจะงำมิดพอรู้ฤทธิรักซ้อนอย่าย้อนรอย
นี่สิ้นปลื้มหรือจึงลืมอารมณ์ภ้อสิ้นอาลัยไฉนหนอจึงท้อถอย
เออก็ยังแต่จะเชิดให้เลิศลอยพี่ก็คอยชมวาสนาอนงค์
ทุกวันนี้มีแต่ยิ้มกระหยิ่มจิตต์ด้วยว่าคิดไว้ก็สมอารมณ์ประสงค์
ฝ่ายเจ้าเหล่าเหมวราพงศ์จะมาลงหนองน้อยเร่งถอยคืน
คิดเสียใหม่ไปสถานที่ธารลึกเล็บจะลึกสั้นซ้ำเพราะน้ำตื้น
จงบินร่อนกว่าจะอ่อนลงยั่งยืนอย่าได้คืนคิดหวังความหลังเอย ฯ ๕๘ คำ ฯ
            

๏ สดับสารสิ้นแสลงก็แคลงคิด
ทั้งพี่นางช่างปลอบให้ตอบกิจนี่จริงจิตต์หรือประดิษฐประลองลวง
จะรักชู้ชูชีพชีวันไว้ก็จนใจด้วยคำคมคารมหลวง
จะวานรักเหมือนจะหักให้โทรมทรวงพะหนักพะหน่วงเกรงกรรมเวรารอน
เปนมิรู้แห่งที่จะตอบกิจด้วยเจ้าคิดวิปลาสดังศาสตร์ศร
ไม่ยั้งจิตต์ด้วยประดิษฐมาวิงวอนเหมือนจะรอนราญชีพให้วอดวาย
อย่าใหลหลงตรงกิจให้ผิดที่จงปราณีรงับจิตต์ให้ห่างหาย
ย่อมนับว่าเจ้าเลิศประเสริฐชายจะหมายไหนได้เหมือนจำนงจง
ไยไฉนจึงมาคิดฉะนี้นี่ช่างพาทีเพี้ยนผิดเพราะจิตต์หลง
อันรักอื่นรักชื่นชีวาคงที่เขาจงสิมิจงเจตนา
อย่าพิกลจริตให้ผิดผันเคร่าครองชีวันไว้ดีกว่า
ยังกำดัดสันทัดยุพาลพาทั้งสักรวาก็ดีปรีชาชาญ
แล้วแหลมหลักในลักษณะกลเลศรู้จบไตรเพททหารหาญ
คนรู้มากนักได้ยากทรมานสดับสารนึกน่าจะปราณี
แต่งตอบจะประกอบให้หายหลงอย่าพะวงให้สัมผัสทั้งสี่
กลิ่นเสียงรูปรสวาทีกระยาหารอันมีโอชารส
อิกทั้งดุริยางคดนตรีทั้งนี้ให้พร่ำจำอด
จะเสียตัวก็เพราะกลั้วรักรสเปนเบื้องบทเร้าราคราคี
อย่าใหลหลงพะวงว่าสิ่งสุขคือกองทุกข์ใหญ่ไม่เอาตัวหนี
เพราะเมตตาจึงช่วยว่าให้ดีดีอย่าจูจี้ให้พลอยรำคาญเอย ฯ ๒๐ คำ ฯ
            

๏ คิดถึงแพรเลี่ยนแล้วเสียดายเหลือ
เปนฝีมือของหม่อมย้อมมะเกลือได้ห่มสนิทแนบเนื้อมานมนาน
เจ้าแล่งเพลาะเลาะให้เมื่อไปทัพอุส่าห์หอบหิ้วกลับมาถึงบ้าน
ฝากไปอบพบมือคนจัณฑาลนึกประจานคนจนไม่อนิจจา
เมื่อคราวดีสิ่งดีก็มีมั่งเมื่อคราวชังกระไรชังจนชั้นผ้า
ทำได้ดูเถิดไม่เวทนาถึงผุราก็ยังรักเพราะรอยกาย
นี่ผิดชอบเปนกะไรไฉนหนอจึ่งตั้งข้อเคืองแค้นไม่รู้หาย
ถ้าไปได้ก็จะไปให้ใกล้กายจะหยิกตีเสียให้ตายก็ตามบุญ
สงสารหน้าที่ไปพาให้ผ้าขาดเหมือนตีวัวกระทบคราดคราวหันหุน
แม้นผ้าอยู่ก็เหมือนดูยังการุญจงตั้งทุนรักรักให้แรมคลาย
ถึงสิ้นผ้าไปก็ดียังมีเล็บฉันกอดเก็บซ่อนไว้ยังไม่หาย
เมื่อทุกข์ระทมจะได้ชมไปต่างกายหรือจะซื้อเล่าจะขายให้เต็มแพง
เพราะว่าเปนสำคัญมั่นกว่าผ้าตามประสาภักดีไม่มีแหนง
นิจจาเอ๋ยทำเยียมิเสียแรงเหมือนจะแกล้งให้อัประมานคน
เสียดายนักอนิจจาผ้าเพื่อนยากได้ห่มตรากแดดน้ำกรำฟ้าฝน
แต่จะไปไหนนิดก็ติดตนมิให้คนอื่นต้องถึงสองเลย
เมื่อยามนอนก็เอาห่มชมถนอมยังหวนหอมกลิ่นอายไม่หายระเหย
เหมือนจะนำความสนิทให้คิดเคยถึงคราวช้ำก็ได้เชยเพราะชูใจ
ทีนี้สาบสูญแน่แล้วแพรดำจะระยำย่อยยับเปนไฉน
จะถ่วงน้ำหรือเจ้าจะเผาไฟกรรมอะไรของข้ามาตามทัน
ที่ให้ไปนั้นด้วยใจสุจริตคิดจะให้ดูผ้าต่างหน้าฉัน
ตามประสายากใจที่ไกลกันไม่สำคัญว่าจะคิดเคืองระคาย
เห็นเปลี่ยนผ้ามาให้ห่มสมคิดหรือจะผิดที่ของหม่อมนั้นหอมหาย
จึงตอบแทนทำได้จะให้อายอนิจจาน่าเสียดายแพรดำเอย ฯ ๒๔ คำฯ
            

๏ เคราะห์เอ๋ยเคราะห์จำเพาะพ้องตรงของขำ
คิดต่อคิดไม่ผิดเลยกรรมเอ๋ยกรรมมาซ้ำซ้ำแซกรักสลักทรวง
ยิ่งหนักแน่นแสนช้ำกระหน่ำหนักดั่งพลิกผลักเมรุไกรไศลหลวง
ต้องยากเย็นเช่นเหมือนหมายเดือนดวงไหนจะล่วงละฟ้าลงมาดิน
เปรียบวิหคนกน้อยต้อยติวิดหรือจะคิดข้ามมหาชลาสินธุ์
จะอ่อนจิตต์อิดโรยด้วยโบยบินถ้าจะสิ้นสุดกำลังชีวังวาย
แม้นนกน้อยต้อยติวิดฤทธิดั่งครุฑคงข้ามสมุทร์ไทถึงเหมือนหนึ่งหมาย
ด้วยแรงราชปักษิณบินสบายพวกพระพายจะพัดวุ่นกะตุ้นเตือน
โอ้อกนกเหมือนอกนี้ไม่มีผิดถึงจะคิดแข่งไปก็ไม่เหมือน
ต้องเสงี่ยมเจียมจนเพียงพลเรือนจะเอื้อมเอื้อนออกปากก็ยากเย็น
สู้ห้ามรักหักใจไว้ในหน้ายิ่งห้ามตาตาชวนให้หวนเห็น
ครั้นห้ามใจให้สวาทขาดกระเด็นใจก็เปนเห็นงามไปตามตา
ใจเอ๋ยอดสกดใจลงไว้มั่งใจไม่ฟังเฝ้ารักนั้นหนักหนา
ใจยิ่งคิดพิศวาสไม่คลาดคลาทุกเวลาหลงครวญรัญจวนใจ
อกเอ๋ยอกโอ้ยากลำบากอกดั่งกลิ้งครกระหกระเหิรขึ้นเนินไศล์
จะทุกข์ทับคับอกวิตกไปอกจะไหวหวั่นว้าให้อาวรณ์
อันทุกข์เราเท่าพระลอพอเหมือนเหมือนทุกข์ถึงเพื่อนแพงทองสองสมร
จนเคลิ้มองค์หลงคลั่งไม่นั่งนอนละนครเข้าสู่สวนของนวลนาง
ได้ร่วมห้องสองอนงค์ทรงเกษมต่างปรีดิ์เปรมประดิพัทธไม่ขัดขวาง
ครั้นถึงกรรมจำตายต้องวายวางทั้งสองนางพินาศแนบอยู่แอบองค์
อิกนิยายตายด้วยรักสมัคสมานเรื่องบุราณนานครันสุวรรณหงส์
ได้ร่วมรักอัคเรศเกศสุริยงค์หอกยนต์ตรงตรึงอุราชีวาวาย
ถึงกษัตริย์สององค์ปลงชีวิตได้เชยชิดพิสมัยเหมือนใจหมาย
โอ้องค์ท้าวเจ้าลมานสงสารกายมาต้องตายวายวางด้วยนางลเวง
รักวันลาอสาทัพเขาจับได้จนบรรลัยอยู่ในเกาะไม่เหมาะเหม็ง
ฟังเรื่องราวเจ้าลมานนึกพานเกรงให้วังเวงหวั่นจิตต์หวิดหวิดใจ
ตรองดูรักรวนเรคเนแหนงยังไม่แจ้งนี่จะแท้แน่หรือไฉน
แม้นลมปี่บิดนิ้วพลิกพลิ้วไปคงบรรลัยเล่ห์ลมานไม่ทานเลย
ถ้าสมคิดชีวิตวายไม่อายเขาเกรงแต่เปล่าเปล่าตายน่าอายเอ๋ย
คำคนคงเลียมเลียบว่าเปรียบเปรยจะยิ้มเย้ยยิ่งจะรับแต่อัประมาน
ทั้งที่พึ่งพวกพ้องมองหาหายคิดถึงกายกำพร้าน่าสงสาร
มีแต่คนคุมชังด้วยจังฑาลปองจะรานเรื่องสวาทให้ขาดลอย
สู้โน้มน้อมเหนี่ยวรักฉุดชักกิ่งยังรังแกแร่วิ่งมาชิงสอย
ช่างชอ้อนอ่อนตอเข้าผลอพลอยขึ้นหน้าลอยคอยขัดสกัดสแกง
เจ็บจิตต์ใจประมาทปิศาจซ้ำจะต้องทำกระบานบัตรปัดแสลง
ปอบชมบหมู่พรายที่ร้ายแรงอย่าให้แฝงเฝ้าประจำอยู่กล้ำกราย
จงไปสู่ไม้ยูงสูงไม้ใหญ่ที่แน่นเหน็บเจ็บไข้จะได้หาย
พี่เส้นวักสักเท่าไรก็ไม่คลายช่างเคราะห์ร้ายหลายอย่างต่างต่างเปน
ทั้งหย่อนยศถดถอยทั้งน้อยหน้าทั้งพาสนาสารพัดจะขัดเข็ญ
จะริรักมักลำบากยอดยากเย็นมิได้เว้นวันร่ำที่คร่ำครวญ
เหมือนหมายชมบุบผชาติไกลาสลิบมณฑาทิพย์เทพบุตรสุดสงวน
ขจรกลิ่นรินรื่นให้ชื่นชวนวายุหวนหอมมอบตระหลบดิน
สาโรชรื่นพื้นสุธาฟากฟ้าฟุ้งภมรมุ่งหมายคะนึงพึงถวิล
ลืมดอกไม้ในจังหวัดปัถพินเฝ้าเพียรบินโบกปีกหลีกลมบน
แมงภู่น้อยถอยกำลังปีกยังอ่อนสุดจะร่อนเร่ฟ้าเวหาหน
ไม่กลัวยากพากเพียรเฝ้าเวียนวนมิได้พ้นพุ่มไม้ขึ้นไปเลย
ถึงจะอ่อนหย่อนกำลังไม่ยั้งหยุดจนปีกหลุดหล่นตกแลอกเอ๋ย
แม้นบุญหลังแมลงภู่เปนคู่เคยคงได้เชยช่อบุบผามณฑาทอง
เพี้ยงเอ๋ยเพี้ยงเสี่ยงกุศลช่วยดลให้เทพไทที่เฝ้าเปนเจ้าของ
ประทานทิพยมาลยดั่งใจปองให้ลิ่วล่องลอยฟ้าลงมามือ
จะยื่นกรกรีดก้อยค่อยค่อยหยิบมณฑาทิพย์ที่ประทิ่นประคิ่นถือ
ประคองหัตถ์ไว้ มิให้สัมผัสมือจะรักรื้อร่ำภิรมย์เฝ้าชมเชย
เมื่อยามนอนนั้นจะยกขึ้นอกแอบประทับแทบทรวงถนอมหอมระเหย
เมื่อยามนั่งนั้นไม่ว่างให้ห่างเลยสงวนเชยชิดชื่นทุกคืนวัน
จะพูลเพิ่มพิศวาสไม่ขาดรักให้สมศักดิ์สุมาลัยในสวรรค์
อย่าให้คอยลอยฟ้ามาพลันพลันจะรับขวัญขวัญฟ้าลงมาเอย ฯ ๕๖ คำฯ
            

๏ โฉมทิพย์ประทุมโกสุมสวรรค์
พึ่งผุดพ้นชลชูเคียงคู่กันอยู่ในวันโนทยานสถานอินทร์
ขึ้นบังใบใกล้ฝั่งอยู่ทั้งคู่ยากที่หมู่แมงภู่ผึ้งจะพึงถวิล
ไปไม่ถึงเทวโลกเฝ้าโบกบินตามแต่กลิ่นอยู่แต่ไกลไม่ใกล้กราย
ยังไม่บานแบ่งผกาสร้อยสาโรชอยู่ในโบษขรณินกระสินธุ์สาย
อุบลอื่นดื่นระดะในสระรายมีมากมายหลายหลามไม่งามเกิน
อันสองอุบลพ้นกระสินธุ์ส่งกลิ่นกลบหอมตระหลบลอยฟ้าเวหาเหิร
ระรื่นรินกลิ่นฟุ้งจรุงเจริญดั่งจะเชิญชวนหมู่แมงภู่ทอง
ด้วยดอกไม้ไกลมนุษย์อยู่สุดสูงเหลือที่ฝูงภุมรินจะบินผยอง
ครั้นจะลอยลมหลีกด้วยปีกปองให้ข้ามห้องคัคณานต์สถานทาง
ปีกยังอ่อนหย่อนย่อท้อระทดจะต้องลมคมกรดหมดปีกหาง
เกรงว่าไปจะไม่รอดตลอดปางจะต้องคว้างกลางดินชวดบินโบย
ใจหนึ่งรักหักจะไปใจหนึ่งรั้งเปนครั้งครั้งคราวครวญให้หวนโหย
สงสารพวงภุมรินที่ดิ้นโดยประกอบโกยกองวิตกโอ้อกกรม
ต้องกรอมเกรียมเจียมจิตต์ชนิดนี้ป่วยการปีมิได้พบประสบสม
ปองสวาทมาดหมายแต่ลายลมอกระทมเทวษเศร้าทุกเช้าเย็น
แม้นเมื่อใดได้พุ่มประทุมทิพย์ที่ลอยลิบลับฟ้ามาให้เห็น
จะรื่นรสเรณูมาลย์ซ่านกระเซนพอวายเว้นวันรำลึกที่ตรึกตรอง
โอ้นึกนึกตรึกไปก็ใจเปล่าเมื่อไรเล่าดวงประทุมที่หุ้มหอม
จะแย้มขยายคลายคลี่ปราณีประนอมประนมน้อมก้านผกาลงมามือ
จะยื่นหยิบทิพยประทุมโกสุมสองใส่พานทองถมยาหัดถาถือ
ถนอมไว้มิให้ช้ำด้วยน้ำมือจะรักรื้อร่ำภิรมย์เฝ้าชมเชย
เมื่อยามนอนนั้นจะยกขึ้นอกแอบประทับแทบทรวงถนอมหอมระเหย
เมื่อยามนั่งนั้นไม่วางให้ห่างเลยจะชมเชยชูชื่นทุกคืนวัน
แนบสนิทพิสมัยรักใคร่ครุ่นให้สมบุญบัวหลวงในสรวงสวรรค์
จงเห็นใจที่รัญจวนคร่ำครวญครันขอเชิญขวัญเนตรน้องอย่าข้องเคือง
จะรักใคร่ในนุชไม่สุดสิ้นจนม้วยดินสิ้นหล้าฟากฟ้าเหลือง
คุ้งวันตายวายชีวิตปลดปลิดเปลืองมิได้เปลื้องปลิดสวาทนิราสแรม
ที่กล่าวความตามธรรมเนียมเทียมประเทียบอย่าระคายภิปรายเปรียบว่าเฉียบแหลม
ใช่จะแกล้งแต่งนิพนธ์เปนกลแกมมาลอมแลมลองโฉมประโลมชม
จงรู้รักประจักษ์จิตต์อย่าคิดขามล้วนคำงามความจริงทุกสิ่งสม
อย่าคลางแคลงแหงนน้ำคำคารมจะมอบจิตต์สนิทสนมไว้นมนาน
เปรียบดั่งลอหน่อไทตามไก่เถื่อนไปสมเพื่อนแพงงามสามสมาน
เคยได้ฟังมั่งหรือไม่ในนิทานแม้นได้อ่านฟังเล่นก็เช่นกัน
สองวิมลมณีศรีสวัสดิ์อย่าสลัดตัดรอนจงผ่อนผัน
ให้เปนคู่อยู่เหมือนเดือนตวันเกิดสำหรับกัปป์กัลป์เช่นนั้นเอยฯ ๓๖ คำฯ
            

๏ คิดถึงหม่อมจอมอนงค์สุดสงสาร
นิจจาเอ๋ยเคยเปนโสดเปรื่องโปรดปรานสถิตสถานสถาพรบวรวัง
เพียงจอมเมรุพิมานนิพพานพ้นก็เสื่อมสุขเศร้ากมลกว่าหนหลัง
ใครจะชุบอุปภัมภ์เปนกำลังให้เหมือนครั้งคราวเดิมเปนเจิมจอม
จะมีสุขสักเท่าไรก็ไม่ชื่นสมบัติอื่นไม่อิ่มใจคงไผ่ผอม
ถึงบริสุทธิผุดผ่องเหมือนหมองมอมต้องจำออมอดใจอยู่ในทรวง
ชั้นจะชื่นชอบกับใครให้สนิทต้องเสงี่ยมเจียมจิตต์ตขิตตขวง
จะทาแป้งแต่งสกนธ์คนทั้งปวงก็จะล่วงลักนินทาท่าเจ็บใจ
อันชาวในไหนจะสิ้นขมิ้นแป้งก็ต้องแต่งตัวงามตามวิสัย
ครั้นไม่ทาจะว่าเนื้อล้วนเหื่อไคทำอย่างไรก็ไม่สิ้นซึ่งนินทา
แม้นถึงมียศถาอาชญาสิทธิ์ยากจะคิดปิดงำคำครหา
คำคนยาวกล่าวมากเกินปากกามักพูดจาเลียมลับให้อัประมาน
เหมือนนางหงส์เหมราชอันขาดคู่ทำรังอยู่ยอดไม้ในไพรสาณฑ์
จะหาเหยื่อเผื่อบุตรสุดกันดารไปไหนนานนักก็ห่วงด้วยรวงรัง
แต่ก่อนบุญขุนวิหคป้องปกอยู่ได้เปนคู่อยู่พุ่มไม้คุ้มขัง
แม้นสิ้นที่อุปถัมภ์อยู่ลำพังกาเหยี่ยวเฉี่ยวชังโฉบรังรอง
เปรียบเหมือนพรรณพฤกษาบรรดาไม้อันปลูกไว้ที่ควรในสวนหลวง
มีลูกดกระกะต้นทรงผลพวงแม้นไม่หวงแหนนิ่งทิ้งละเลย
เปนที่ปองปักษาหมู่กานกคงอันตรายวายดกแล้วอกเอ๋ย
ทั้งวลาหกหายไม่ปรายเปรยให้ชุ่มเชยชื่นชื้นพ่างพื้นดิน
ไม่มีหมู่ผู้คนจะปรนิบัติจนพื้นปัถพีแห้งเปนแท่งหิน
แม้นไม่ฟื้นพื้นสุธารดวารินไหนจะสิ้นโศกเฉาซุดเศร้าโทรม
ดั่งดาวน้อยพลอยแจ้งด้วยแสงบุหลันขึ้นส่องสวรรค์สว่างเลิศลอยเฉิดโฉม
เมื่อเดือนดับลับฟ้านภาโพยมอัคคีโคมก็จะแข่งกับแสงดาว
ธรรมดานารีไร้ที่พึ่งถึงผ่องถึงเทียมอย่างนกยางขาว
รักษาตัวเต็มดีเหมือนมีคาวคนคงกล่าวข่าวพร้องว่าหมองมัว
ดั่งเพ็ชรเคลื่อนเรือนเก็จอยู่เม็ดเปล่าจะเสื่อมเศร้าแสงมณีสีสลัว
หาเรือนรองทองถมให้สมตัวจะยังชั่วชูช่วงดวงวิเชียร
แม้นเอองค์อางขนางอยู่อย่างนี้ไม่พ้นที่ตรีชาคำพาเหียร
ควรอนงค์จงดำริห์กันติเตียนถ้าคนเบียนเบียดถ้อยพลอยรำคาญ
ซึ่งคำเปรียบเลียบลึกล้วนปฤกษาวานอย่าว่าหวังสวาทเอื้อมอาจหาญ
เห็นอยู่เดียวเปลี่ยวอารมณ์มานมนานคิดสงสารแสนรักจึงชักจูง
เดิมไม่เศร้าเสื่อมสลดมียศอยู่เคยเปนคู่เคียงหงส์ที่วงศสูง
ก็สิ้นหงส์แล้วจงวกลงนกยูงอย่าให้ฝูงกากวนไม่ควรเคียง
จงเมินกาหาบุหรงเหมือนหงส์มั่งให้เขาสั่งรเสริญลือออกชื่อเสียง
วานอย่าพิศวาสหวังที่วังเวียงจงดูเยี่ยงอย่างสุวรรณกันยุมา
บุราณว่าเข้าเถื่อนหาเพื่อนเที่ยวอย่าอยู่เดียวเปลี่ยวจิตต์จงคิดหา
ตามอารมณ์ให้สมดั่งเตือนมาเสียดายปรารมภ์ด้วยช่วยทุกข์แทน
อันอยู่เดียวอย่างนี้หาดีไม่มีบ่าวไพร่พรั่งพร้อมเฝ้าห้อมแหน
มีสักหมื่นดื่นดาษดั่งขาดแคลนก็จะแม้นเหมือนกับอยู่ผู้เดียวดาย
ถ้ามีคู่อยู่ถึงแม้นจะแสนเศร้าอาจบันเทาทุกข์ร้อนให้ผ่อนหาย
ได้คุ้มครองป้องกันอันตรายทั้งจะดับอับอายวายรำคาญ
ก็ยังไม่กะไรกันเช่นชั้นนี้ควรจะมีที่รักสมัคสมาน
อันนารีนี้เหมือนพุ่มประทุมมาลย์ถ้านิ่งนานเนิ่นนักคงจักโรย
ทำนอนใจไปข้างหน้าฉวยคว้าผิดต่อได้คิดจึงค่อยละห้อยโหย
ใบพฤกษาถ้าพระพายพัดชายโชยก็ควรโบยโบกใบไหวตามลม
คำบุราณว่าเลือกนักมักได้แร่หาหวานนักมักจะแปรแชขม
แม้นเฉยนักมักจะช้าอย่านิยมถ้าตรึกนักมักจะกรมไปนมนาน
จงฟังคำตามตำราสุภาษิตอย่าให้ผิดแบบแผนล้วนแก่นสาร
หยั่งฤทัยใคร่ครวญให้ควรการเชิญสมานหมายประสงค์เปนมงคล
แม้นมีจิตต์ชิดชอบระบอบบทจะปรากฏยศศักดิ์เพิ่มพักผล
ได้พาชื่นรื่นสำราญบานกมลที่กังวลถวิลเดิมจะเคลิ้มคลาย
จงตรองตามความทุกสิ่งจริงหรือไม่แม้นจริงใจแล้วจงรักสมัคหมาย
ให้สมคำทำเนียบที่เปรียบปรายอย่าระคายเคืองความว่าลามลวน
อย่าพบพักตรรักใคร่ให้สนิทขอชอบชิดเชิงรักอย่าหักหวน
ถ้าโฉมงามตามอารมณ์เห็นสมควรจงประมวลมิตรใจเปนไมตรี
จะพูลเพิ่มพิศวาสไม่คลาดเคลื่อนทุกวันเดือนมิได้คลายหน่ายหนี
เฝ้ารักใคร่ไปจนตายวายชีวีอยู่เมืองผีจะขออยู่เปนคู่กัน
แม้นเกิดไหนให้ได้พบประสบสิ้นบาดาลดินแดนดลบนสวรรค์
ทุกทุกชาติอย่าขาดรักเลยสักวันจนม้วยดับกัปป์กัลป์พุทธันดร
จงไมตรีตอบตามความพิศวาสให้สมมาดเหมือนหมายสายสมร
อย่าหมางเมินเนิ่นนิ่งให้วิงวอนเชิญโอนอ่อนหย่อนหาตามอารมณ์
แม้นสมัครรักใคร่ดั่งใจคิดจะเคียงคู่ชูชิดสนิทสนม
ถนอมนอนกรรับประทับประทมให้แสนสมมนัสแนบแอบอกเอย ฯ ๖๔ คำ ฯ
      
ประชุมเพลงยาว ภาคที่ ๖ เพลงยาวความเก่า แจกในการกฐินพระราชทานมหาเสวกตรี พระยามโนปกรณ์นิติธาดา กรรมการศาลฎีกา ณ วัดดาวดึงสาราม พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร
(ขอขอบคุณ คุณ "หญิง. มะ" ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น