ผู้ติดตาม

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประชุมเพลงยาว ภาคที่ ๗ เพลงยาวความเก่า

๏ สดับข่าวที่เขากล่าวเกลี้ยงถึง
แต่ยินความก็ให้งามใจคนึงแสนรำพึงมิได้พบดั่งหลบกัน
นิจจาเอ๋ยเคยยลแต่หนหลังถึงเมื่อครั้งคราวเปรมเกษมสันต์
ที่ทรงโฉมประโลมลักษณ์วิลัยวรรณสารพรรณจะผ่องเพลินจำเริญตา
ทั้งสมบูรณ์อยู่ในจุลจักรพรรดิภิรมย์สวัสดิ์ร่วมราชโกษฐา
มาเร่อร่ำให้ทำที่ศรีสุดาทั้งอุส่าห์เบือนบิดจริตงาม
ไปฝึกฝนกันที่ต้นลำไยเก่าข้างลำเนาสรรเพ็ชญ์ปราสาทสนาม
ถ้าตัวตายและจะหายคนึงความด้วยชู้งามนั้นยังงามอยู่ในใจ
จนเสียเมืองมาด้วยกันทุกวันนี้ก็มีแต่ทุกข์ทนกมลไหม้
สารพัดจะไม่วัฒนาใจดั่งเสียไฟเฝ้าเป่าหิ่งห้อยแฮ
แทบจะสิ้นแรงกายไม่พรายวับแล้วก็ดับมิได้แจ้งเหมือนแสงแข
ถึงยามชื่นก็เหมือนขืนจักขุแลก็มีแต่ชอกช้ำระกำกวน
จะใคร่ถามข่าวบ้างก็ยังคิดกลัวจะบิดไปด้วยเมินสเทินหวน
แล้วเกรงความจะว่าลามเปนลมลวนจึงสู้ม้วนเสน่ห์ไหม้ไว้ในกาย
เดชะผลสุจริตไม่คิดประทุษฐ์เหมือนเต่าผุดจำเพาะตะเมาะหมาย
ครั้นเขาออกชื่อชี้ว่ามีนายแล้วก็บ่ายบากหน้านิรานาน
ให้ขุ่นคล้ำช้ำใจอยู่ในอกแสนวิตกอนิจจาน่าสงสาร
เสียดายเนื้อที่เปนเชื้อชาวในนานจะว่าบุญบันดาลหรือกรรมกวน
หรือจะคราวเคราะห์โศกโรคร้อนหรือจะถาวรแจ่มในอยู่ในสวน
นี่ยืมสารจะไปอ่านเปนเพลงครวญอันเชิงชวนจะให้เชิญดำเนิรไป
ถึงสถานจะใคร่พานพบพักตร์ก็บุญหนักยกหน้าขึ้นเปนไหน
พอแจ้งข่าวก็ผ่าวอาลัยไปดั่งสายใจนี้จะยืดไปตามยิน
สุจริตว่าบุราณนี่นานเห็นเพราะไม่เช่นลมพาลที่หวานถวิล
จะเห็นใจก็แต่ในอมรินทร์จะแจ้งจินตนานักประจักษ์การ
แล้วไร้คนที่จะชี้คดีถึงความคะนึงเหมือนจะเมินหมางสมาน
ที่จำเริญพาไปแปดประการข้าขอรับกังวานไว้ในกรรณ
ดั่งได้น้ำฟ้าสุธารสที่สลดค่อยชื่นประชุมขวัญ
ถ้าพอว่าราชกิจที่ติดพันจะตั้งใจจรจรัลไปหาเอยฯ ๒๘ คำ ฯ
            

๏ ได้สดับสร้อยสุนทรสาร
ไพเราะเสนาะล้ำคำพจมานสำเนาสารหวานเพราะเสนาะจริง
สารทราบอาบทรวงดวงกมลดั่งสุคนธ์ปนประให้เย็นยิ่ง
ข้าขอบคุณที่การุญกันจริงจริงไม่ประวิงสิ่งซึ่งเปนลาภา
ขอบข้อคำที่เจ้าร่ำมาในสารให้ภิยยานยศยิ่งเปนสุขา
ยังประวิงสิ่งซึ่งที่วัจนาว่าจะมาหาบ้านนั้นยังแคลง
แต่คอยคอยเหมือนจะลอยหลีกหายนับวันเดือนระคายอารมณ์แหนง
เห็นผิดเชิงคิดว่าหมางระคางแคลงหรือใครแกล้งแย้งยุระบุความ
ว่าเรานี้ถอยด้วยน้อยยศประกอบหมดจึงคิดในจิตต์ขาม
ครั้นลงมากลัวจะพาที่พักตรงามให้เสื่อมนามทรามยศสลดลง
จึงยั้งคิดบิดเบือนอยู่ดั่งนี้เห็นจะมีผู้ทัดขัดประสงค์
เจ้าว่าไว้ถ้าใครมายุยงอย่าให้หลงยินถ้อยจำนรรจา
อันเรานี้มิได้มีซึ่งสิ่งแหนงคิดระแวงฝ่ายเจ้าจะกังขา
ดัวยเจียมตนว่าเปนคนอัพลาไม่วัฒนาแจ่มแจ้งงามสกนธ์
เพียงศรีอนุชาชีวาลัยจะผินพักตรพึ่งใครก็ขัดสน
ให้ระคางหมางมัวด้วยตัวจนจึงสู้ทนมิดม้วนสงวนกาย
ปลูกถั่วปลูกงาประสายากเก็บผักพลหมากมะพร้าวขาย
พอได้เลี้ยงอาตมารักษากายไม่สู้สบายเหมือนเก่าแต่ก่อนมา
ซึ่งให้ยืมสารามาทั้งนี้เพราะมีมโนถวิลหา
ใคร่พบพักตรประจักษ์เนตรสักเวลาด้วยจากมาตัวเจ้ายังเยาว์นัก
แต่ครั้งเมื่อพระสยมบรมพงศ์อยู่บรรยงก์รัตนาสน์เฉลิมศักดิ์
จนเสียเมืองเคืองแค้นใจนักมิได้พานพบพักตรกันบ้างเลย
ต่ออยู่มาช้านานจนป่านนี้เขาพึ่งชี้ชื่อเจ้านิจจาเอ๋ย
อนิจจาไม้รู้ว่ายังไรเลยพุทโธ่เอ๋ยเหมือนจะเมินสเทินกัน
เขาบอกว่าอยู่ดีได้มียศก็พลอยสดปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ธุระร้อนจะได้จรไปหากันให้พันภิยโยยิ่งประเสริฐชน
ฝ่ายเราก็แก่ชราไร้เสมือนไหม้ใกล้ฝั่งไม่เปนผล
ที่การเล่นมิได้เปนซึ่งกังวลรักษาแต่ตัวตนทุกวันเอยฯ ๒๘ คำ ฯ
            

๏ ชายเนตรจวบเนตรพิษศรแสลง
ดั่งเมขลาฉายท่ามณีแทงให้แสงต้องอสุรีที่ราญรอน
ก็ลดองค์ลงยังเงื้อมเมรุมาศปิ้มจะขาดชีพม้วยด้วยดวงสมร
จะไล่โลมโฉมนางกลางอัมพรก็อ่อนจิตต์ไปด้วยฤทธิ์มณีพราย
อันนิลเนตรน้องส่องมาสบพี่ยิ่งมณีนางฟ้าที่ง่าฉาย
เมื่อวาบวับจับดวงฤดีชายก็หมายชีพม้วยด้วยแสงนิล
ประเมินม่อยผอยพักตรตลึงหลงก็จงจิตต์สมานที่ชาญถวิล
สิ้นประมาทอาชญาแลมลทินสิ้นประคิ่นประดิพัทธในภัสดา
แสร้างมิดม้วนชวนชื่นขืนคืนสวาทแล้วหยาดน้ำอาลัยไว้ในหน้า
พอสงฆ์กลับจึงคำนับวาจาลาพี่เดิรฝ่าภาคพักตรตระหน่ำนาง
บำหยัดเท้าก้าวหน้าพว้าหลังระวังน้องลืมยั้งระวังย่าง
อัฒจันท์ยิ่งอัศจรรย์ลางพี่เหยียบขวางไขว่คั่นว่าชั้นเดียว
ถึงสีดาประจวบตาพระราเมศร์เจ็บเทวษแต่กระนั้นไม่ส้านเสียว
อันพี่เจ็บนี้เจ็บจริงจริงเจียวดั่งแหลมเหล็กเรี่ยวร้อยในตาชาย
ชะชะเจ็บรักนี่หนักหนายิ่งฝืนฝ่าก็ยิ่งท้ออารมณ์หมาย
ว่าตาดูรู้รสกันด่วนตายเดิมนารายน์เพิ่มพิษยุพาพาล
พระชวนชมสมโฉมด้วยดลเนตรวันประเวศบัญชรพิมานสถาน
จะเคลื่อนเงาเงื่อนนี้แลนิพพานประมาณเถิดเห็นจะมีราคีดำ
เจ้าดั่งดวงดาราทิพยมาศลอยลีลาศเลื่อนแสงขึ้นแข่งขำ
ครั้นมลทินจันทร์ทับก็อับดำเข้าประจำล้อมอยู่ดาวดูที
จะสดสร่างกระจ่างงามอร่ามพื้นไม่ใฝ่ฝืนฝ่าเทวราศี
เดิรระวางทางจักรงามดีด้วยเว้นแสงพระสุริยศรีร้อนรอน
จะเกรงไยในหมู่พลาหกถึงจะตกก็ไม่ตัดประภัศร
เชิญเลี้ยวเลื่อมมาที่เงื้อมยุคันธรจะเวียนวอนตาโลกให้ชมดวง
หนึ่งสัญจรปทุมาในวาเรศไม่ว่าเพศเช่นพงศประสงค์สรวง
สัณฐานจอกดอกชอุ่มเปนพุ่มพวงเกิดในห้วงวารีนิโครธา
ฝ่ายโกเมศหมู่สวะอยู่สระสรงใช่บัวบงกชเกศในนาถา
พื้นผลซึ่งรคนสาโรชาล้วนวารินไคลเคล้าเข้าเวียนเบียน
อย่านึกแหนงใช่จะแกล้งแสดงสดับถ้าแม้นรับแล้วอย่ารักเปนพาเหียร
เห็นไหนงามตามเถิดจะเวียนเพียรช่วยถอนเศร้าถอนเสี้ยนเสียหน่อยเอยฯ ๓๐ คำ ฯ
            

๏ โอ้แสนเวทนานะอกเอ๋ย
ความรกำช้ำใจกระไรเลยมีแต่เปรยแปรเปนอยู่เช่นนี้
เพียงทรวงพี่จะแยกแตกเปนสองไฉนน้องเจ้าไม่เห็นในอกพี่
ไม่วายสวาทขาดรักสักนาทีมีแต่ครุ่นครวญคิดเปนนิจกาล
แสนเสน่ห์ในสมายิ่งศรปักแสนรักรึงใจนั้นไม่สมาน
แสนร้อนร้อนเร่าอุระรานแสนสงสารใจจริงทุกสิ่งอัน
เจ็บใจด้วยนางจางใจเจื่อนช่างเฉยเชือนมิได้ชวนเกษมสันต์
สุดจะทนจึงสอดสารรำพรรณยิ่งอึ้งอั้นอยู่มิเอื้อนปราณี
ครั้นเตือนต่อก็ตึงไม่ตอบเตือนทำบากเบือนเบี่ยงบ่ายธิบายหนี
ก่นแต่เลียมล่อเล่นอยู่เช่นนี้ทำทีจะลวงให้ละลานใจ
สองผิดวประดิภาคหลากใจพี่จะหมองไมตรีเมินไปถึงไหน
อันสถานซึ่งสถิตใช่ใกล้ไกลชะกระไรใจนางช่างเชือนแช
มีแต่หม่นมืดม้วนสงวนพักตร์เหตุว่ารักข้างเดียวจริงเจียวแหล
แต่เหลือบเลี่ยงเจ้าไม่เบี่ยงจักษุแลแหเหินเมินสวาทโอ้บาดใจ
จะบำบัดตัดมารประหารห่วงจะละล่วงเลยภพแล้วหรือไฉน
หรือว่าหมางรคางรคายใจจงดัดให้ตอบต่อที่ข้อวอน
โฉมเฉลาเยาวลักษณ์แก้วกากีสถิตถึงฉิมพลียอดศิงขร
ข้ามเขตนทีสีทันดรยากมนุษย์สุดจะจรครรไลยไป
อันคนธรรพ์นั้นสูอย่าดูหมิ่นยังโดยปีกสุบรรณบินไปสมได้
แสนสำราญในสถานพิมานไชยกรรมใดจึงมาดลให้ทรมาน
อันอิเหนากับเยาวราชจินตหรานคราก็ทุเรศทุราสถาน
ไม่จงใจที่จะไปส่งสการก็ไม่พานเวียงไชยพระไอยกี
จนได้เคล้นเน้นแนบแอบสมรร่วมร้อนจินตหรามารศรี
ชะจนใจมาดหมายหลายปีไยจึงหมีเหมือนคิดที่จิตต์จง
องค์รเด่นบุษบากาหลังนางไม่หวังแต่ชายพิศวง
ทั้งกรรมหลังเหลือยากลำบากองค์ปิ้มจะปลงชีวิตเปนนิจกาล
ก็ได้เคล้นเน้นแนบแอบสมรร่วมร้อนปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
ฝ่ายพี่ที่ผู้ทรมานไฉนนานหน่วงรักหักอารมณ์
แม้นได้เหมือนกำลังจะยังชั่วกลัวแต่มุ่งมาดหมายจะไม่สม
แต่มิเอื้อนอยู่ไม่เยื้อนชวนชูชมจะเกรียมกรมกรอมทุกข์ทุกอิริยา
ดั่งโมรินทินกรหย่อนยอแสงแต่แสวงหวังมุ่งเมขลา
ส่วนเมฆไม่มีจิตต์เจตนามยุราเหมือนพี่ที่แสนคนึง
สุดถวิลดั่งจะสิ้นเสน่ห์สนิทลับหลังก่นแต่คิดนิมิตถึง
ว่าร่วมอาสน์เจ้าได้เคล้าคลึงรักรึกเน้นแนบอุรพา
จุมพิตนิทราหรรษาสองกรตระกองเกี้ยวกอดสอดหา
ยังไม่ทันสิ้นชื่นก็ตื่นตาไม่ว่าฝันเลยสำคัญว่าจริงเจียว
คว้าเปล่าเศร้าจิตต์แล้วใจหายสอดสายตาสุดที่จะแลเหลียว
ดั่งใครมาหยิบยกกายไปทีเดียวแสนเปลี่ยวโอษฐโอ้อยู่อาทวา
นึกในนิมิตรเห็นผิดประหลาทพอน้องนาฏใช้คนให้มาหา
ขอยืมสารให้อ่านอักขราเปนวาทีทิพยมนต์แสดง
ฟังเร่งยินดีทวีถวิลแต่หวังใจอยู่ด้วยจินตนาแหนง
เกลือกจะยอแต่พอรบมอารมณ์แรงให้หิวแห้งเหือดรักโอ้หนักใจ
แม้นน้องช่วยอวยสารสนองพี่เปนไรมีสาราจะหาให้
อันมีมิตรผิดประหลาทเร่งบาดใจเปนไฉนเชิญช่วยทำนายเอยฯ ๔๔ คำ      ฯ
            

๏ ได้ยินข่าวที่เขาสรวลสำรวลฉาว
ว่านกน้อยนั้นจะงอยฝีปากยาวจะแข่งครุฑข้ามอ่าวสมุทร์ไท
ขากระต่ายหรือจะหมายหยั่งสมุทร์จะสิ้นสุดพากพื้นสักเพียงไหน
หิ่งห้อยหรือจะโต้อโณทัยสกุณไก่หรือจะบินกับอินทรีย์
จอมปลวกหรือจะเปรียบเมรุมาศมนุษยชาติหรือจะเหมือนกับโกสีย์
กระบิลงูหรือจะสู้กับนาคีอันเมืองนี้หรือจะแม้นวิมานอินทร์
อนึ่งแก้วจอมจุลจักรพรรดิอันปัดหรือจะเท่าเทียมถวิล
จะขึ้นแข่งรัศมีมณีนิลเมื่อไม่สิ้นชาติกรวดแค่นอวดงาม
เอาแต่ทองรองซับพอรับพื้นให้ชูชื่นแววไวในสนาม
ปะเขารู้สันทัดว่าปัดทรามจะอายความรู้สักเท่าไรไป
ไม่รู้หรือนาคาวราฤทธิ์สุภาษิตเปรียบเทียบกับสุริย์ใส
ยังยอบกายเกรงพลั้งรวังภัยจะครรไลยก็ค่อยเลื่อนลีลามา
แมลงป่องพิษวางที่หางนิดหรืองอนประหงิดให้เกินนิวาสา
อหังการดั่งจะต้านด้วยนาคาสเออะหน้ามิได้ยั้งรวังอาย
ดั่งกวางเห็นเสือผอมด้อมเดิรพลาดทนงอาจเข้าเคียงขวิดด้วยจิตต์หมาย
ไม่เจียมชาติเขาประเชินให้เกินกายต่อจวนตายดอกจึงรู้ว่าตูกวาง
ดั่งสุกรอวดดีกับสีหราชทนงอาจใจใหญ่ออกยืนขวาง
แล้วร้องท้าว่าท่านสัตว์จัตุบาทางค์เราก็สร้างสี่เท้ามาคราวกัน
ควรที่จะชิงไชยเอาไว้ยศให้ปรากฏทั่วฟ้าสุธาสวรรค์
แล้วก็ทำขนแขงแปรงชันขยับยันทีจะวิ่งเข้าชิงไชย
สีหราชร้องเย้ยว่าเหวยหมูทุรชาติเช่นกูนี้เกลียดใกล้
จะไว้ยศชื่อเราก็เข้าใจเสียในกิตติศัพท์สกุลกู
ขอรับแพ้แก่ท่านไม่หาญต่ออย่ากล่าวล่อเหลืออาจประหลาทหู
สีหราชหลบลี้มิขอดูก็ไปสู่ถ้ำแก้วแกมทอง
ดั่งมณฑุกเกิดในชลาสินธุ์อยู่ใกล้กลิ่นกุสุมวิเชียรฉลอง
ไม่รู้รสชื่นชมก็สมพองในลอองเกศแก้ววราราย
แมลงภู่ซึ่งอยู่พนัสฐานรสสุมาลย์เสาะสืบแสวงหมาย
ได้เชยซาบอาบต้องลอองอายใสสุหร่ายเสียดสร้อยสุมาลา
ดั่งบุรุษเรียนรู้ที่ครูสอนใครโง่งอนเหมือนดั่งผมบังภูผา
เช่นคนใช้เจนหัดอยู่อัตราที่โอชามิได้รู้ซึ่งรสแกง
ดั่งมะเดื่อแดงดีดังสีชาดใสสะอาดน่าดูเชิดชูแสง
ฝ่ายเปลือกนั้นเห็นงามอร่ามแดงต่อฉีกดูจึ่งแจ้งว่าหนอนใน
ก็ต้องบทกำหนดขนุนหนามข้างนอกทรามเหมือนจะลองไม่ต้องได้
ครั้นผ่าดูดอกจึ่งรู้ว่าหวานในประเสริฐได้โอชารสจำเริญชู
ไม่เหมือนมะเดื่อแดงก่ำดังธรรมชาติข้างนอกฉาดในหนอนบ่อนบินฉู่
ปะเปลือกต้นแก่นใบใครไม่รู้จะพาพูและกระพี้ให้พลอยอาย
ทั้งตัวหนอนก็จะบ่อนเข้าเบียนกัดอิกลมพาลก็จะพัดให้หมองหมาย
เขาจะถากเปลือกข้นจนต้นตายก็ไม่วายอุปวาทเพราะฝาดดี
ทั้งจะนำหน้ามูลประยูรยศอยู่ที่บทมะเดื่อแดงแสงสี
ถ้าแม้นปะเราเปนเหมือนเช่นนี้น่าที่จะดับจิตต์ไม่คิดตัว
จะผินเข้ากอดศักดิ์ด้วยรักเชื้อถึงช้ำเดื่อก็ไม่เอาไว้ให้ใครหัว
ด้วยไม่แท้ทองคำจึงคล้ำมัวต่อจะเปนแต่ตะกั่วตะกูทอง
อันเนื้อนพคุณแท้นี่แน่เจ้าถึงจะเผาสิบไฟก็ไม่หมอง
จะซ้ำใส่เบ้ากรดเข้าทดลองยิ่งจะผ่องเนื้อน้ำอำไพ
จึงองอาจว่าเปนชาติทองแท้อย่าควรคิดว่าจะแปรเปนปัถมัย
ไม่เหมือนเดื่อกับตะกูให้ดูไกลมิเข้าใจกลล่อก็หลงงาม
ครั้นพินิจดูไปก็ในเปล่าไม่ได้เนื้อสำเนาขนุนหนาม
เหมือนว่าหมึกหมายชื่อให้ลือนามไว้เปนความแขวนปากทั้งปวงไป
ต้องร้อนตัวอยู่เหมือนวัวรวังแผลแต่กาแลวิปลาสก็หวาดไหว
เพราะเจ็บนอกนั้นช้ำเหมือนคำในจนบรรไลยก็อย่าหมายไม่หายเอยฯ ๕๐ คำ ฯ
            

๏ ขาวเหลืองเรืองศรีวิเชียรฉาย
แสนสวาทมิได้ขาดทิวาวายเสน่ห์หมายวชิรรัตนอลงกรณ์
แสงสว่างกระจ่างแจ่มจับเนตรวันประเวศบนวิบูลยศิงขร
แม้นเรืองฤทธิ์เหมือนวิทยาธรจะเขจรแหวกเมฆไปเมียงชม
พื้นหัตถ์จะประชีสำลีรองจะประคองช้อนชูมาสู่สม
แสนสงวนมิให้ต้องลอองลมจะวางชมบนพื้นสุมาลี
วัตถาเวียนวงจะประดับมิให้อับอ่อนแสงมณีศรี
จะแนบไว้ในอุราทุกนาฑีอันราคีมิให้ปนรคนพาล
นี่สุดยากที่จะบากอารมณ์ถวิลทั้งเดิรดินแล้วก็ขลาดไม่อาจหาญ
ตั้งแต่ทนเทวษช้ำรกำนานก็นับวารวายชีพนิราทวา
เพราะกนิษฐ์และได้คิดภิรมย์รักเสน่ห์หนักในเพศแห่งเชษฐา
ไม่สมหมายก็ไม่วายจินตนาจะฝืนฝ่าฝากรักก็สุดใจ
อนุชาเหมือนว่ายวนวาเรศลอยประเวศตามสายชลาไหล
จะบ่ายหน้าหาฝั่งก็ยังไกลจะพึ่งพักขอนไม้ไม่ทานตน
อันสัดจองนาวาก็หายากจะเบือนบากพึ่งใครก็ขัดสน
แต่เวียนว่ายอยู่ในสายทเลวนแสนทุพลยอดยากลำบากกาย
เห็นแต่พี่แลจะชูชีวิตน้องช่วยประคองขึ้นให้พ้นกระแสสาย
เมื่อการุญทำคุณไว้ไม่ตายจะบากบ่ายนำเสน่ห์สนองกัน
ไม่ลืมคุณอุปการคุ้งวันหน้าจนม้วยสิ้นดินฟ้าสุธาสวรรค์
เชิญสมานกายโดยรบอบบรรพ์วานอย่าฉันทาเคียดรังเกียจกวน
เชิญสนองในคลองเสน่ห์มิตรคำนึงคิดอยู่ในฤทัยสงวน
ถ้ารับรักแล้วอย่ารักให้เรรวนวานอย่าม้วนสวาทไว้ให้เนิ่นนาน
เชิญร่วมอารมณ์ภิรมย์รักให้สมศักดิ์สมสวาทในมาศฐาน
อย่าแหนงรักเลยว่ารักจะพลันราญสดับสารแล้วอย่าคิดรแวงแคลง
ประการใดในประเพณีสวาทขอประสาทเสน่ห์ไว้ไม่ควรแถลง
หนึ่งเชษฐาถึงจักว่ารักแรงจงให้แจ้งแต่รับไมตรีตรอง
เอ็นดูเถิดที่ธุระทุรารักษ์เห็นแก่พักตรเถิดจงเยื้อนเสน่ห์สนอง
ดำริห์รักแล้วอย่าคิดให้ผิดคลองไมตรีประคองอย่าให้สูญสวาทเอยฯ ๒๘ คำ ฯ
            

๏ ชังใจที่ไม่เจียมใจสงวน
ชังหน้าที่หน้ามาหมองนวลเออก็ควรหรือมาริให้เร่งตรอม
ไม่เจียมตนเลยว่าตนนี้ต่ำศักดิ์มาริรักที่ไม่ควรประครองถนอม
หมายใจอยู่ว่าใจอยู่ในจอมมีแต่มอมหน้าม่อยให้อัประมาน
ไม่รู้หรือว่าประยูรวิหคหงส์ถวิลลงโบกขรพัสนัทีสถาน
ไม่ร่วมชาติกาจกาสกุลกาฬโอ้ประมาณเหมือนอกจรกา
ต่ำศักดิ์หรือมารักวงศเทเวศร์ให้ผิดเพศตุนาหงันอสัญหยา
เหมือนอิเหนาเสาวภาคกับบุษบาเออสาสิที่ใจไม่เจียมใจ
ยิ่งห้ามใจว่าอย่าใฝ่วงศาสูงใจยิ่งจูงใจตรึกนี่นึกไฉน
แต่เวียนหวังอยู่มิฟังวิญญาไยนี่ใครใช้หรือจึงครุ่นทวีครวญ
เปนน้อยใจหนอใจไม่ฟังห้ามมารักงามที่ไม่รู้เสงี่ยมสงวน
ใจเอ๋ยหรือมาเฉยชล่าลวนเมื่อไม่ควรหรือมาควรคะนึงนาน
ไม่เจียมตนหรือว่าตนเปนหิ่งห้อยมาทิ้งรอยตามแสงพระสุริย์ฉาน
ท่านเหมือนพลอยเพ็ชรรัตน์ชัชวาลตัวนี้ปานปูนปัดหรือควรปอง
มาหมายแก้วจอมจุลจักรพรรดิให้เสื่อมสวัสดิ์รัศมีมณีหมอง
เปนน้อยใจด้วยว่าใจไม่ตรึกตรองใจที่จองหองห้ามยิ่งหยามใจ
ตนกระต่ายหรือมาหมายจิตต์จงมางวยงงอยู่ด้วยแสงศศิไข
เมื่อจันทร์แจ่มแต้มตัวกระต่ายในวงเปนไรกระต่ายไม่หมายชม
ถ้าใครช่วยชูมั่งจะยังชั่วให้ใจกลัวจึงจะสาแก่ใจสม
ถ้ามิฟังจะเอาไฟใส่หม้อรมช่วยขู่ข่มเสียให้ขาดประมาทครวญ
ใจสิมุ่งเหมือนพระลอดิลกโลกจึงแสนโศกมิได้วายกระหายหวน
ส่วนพระลอมิได้ปองสองนางชวนให้รัญจวนไปด้วยวิทยายันต์
จึงได้สมสองงามเปนสามเขยชิดเชยสองข้างประคองขวัญ
จนทหารเข้าประหารผลาญชีวันเออกระนั้นเล่าเถิดก็ควรตาย
ไฉนใจจังจะไม่เห็นด้วยใจจะม้วยเสียแล้วหรือเพราะมุ่งหมาย
เอ็นดูใจเถิดอย่าให้ใจลอายเอ็นดูกายเถิดที่เอื้อมจนสุดมือ
แต่ห้ามห้ามก็ไม่ห่างถวิลเหือดจนผิวเผือดผอมแล้วไม่เห็นหรือ
จะตายไยที่มิให้คำคนลือจะรื้อรักเถิดอย่ารักให้เหนื่อยนาน
หาดีไม่ไหนเล่าเขาว่ารักพิสมัยหนักก็มักได้หมางสมาน
ย่อมทนทุกข์อยู่ทุกทิวาวารแสนรำคาญเคืองคิดไม่ขาดตรอม
ชอบบำราสรสร่วมอารมณ์สองก็หนักกรประคองครุ่นครวญถนอม
ดั่งโกยทุกข์มาประทุกอกออมแต่ผอมเผือดเหือดแห้งจนหายงาม
จะยืนเดิรดำเนิรนั่งนอนที่ไหนก็ตั้งใจแต่จะดิ้นถวิลหวาม
จนสิ้นเพียรภาวนาพยายามจนลืมความเรือนราชการตน
ยามกินลืมกินอาหารรสลืมกำหนดนับคืนวันฉงน
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับเกลือกสกนธ์ไม่หลับจนจวบทุ่มสักคืนวัน
นี่และใจจะไม่ฟังใจเจียวหรือจะรื้อรักอยู่ไม่รักชีวาสัญ
จงรักกายเถิดอย่าหมายวงศเทวัญที่เฉิดฉันมิได้แปลกประยูรวงศ์
จึงห้ามใจว่าใจอย่าประเจิดอย่าพลั้งเพลิดเลียมลองประโลมหลง
รักษาสัตย์ตัดใจให้ตริตรงอย่าพลอยหลงไปด้วยพลั้งกำลังพาล
ท่านว่าถ้าและใครใจประมาทย่อมเปนคลองมัจจุราชประหารผลาญ
สงวนสัตย์ตัดห่วงบ่วงมารจะพลันพ้นสงสารที่วงเวียน
ถึงโลกีย์ยังมิตัดราคีขาดแม้นประมาทก็ประมาณแต่พาเหียร
เรียนรู้เถิดอย่าเรียนรำพึงเพียรใจจงเจียนในรักให้หักรอน
ชอบจะเฉยอย่าเฉลยเหมือนเช่นหลังนี่แน่ใจเอ๋ยจงฟังใจสั่งสอน
จะแจ่มจิตต์อยู่เปนนิตย์นิรันดรธุระร้อนก็จะแรมโรยเอยฯ ๔๖ คำ ฯ
            

๏ อนิจจาคอยท่าคนึงถึง
จะถามเจ้าเขาลือกันอื้ออึงว่ามีแอหนังหนึ่งดำเนิรมา
งามลม่อมพร้อมพริ้งสรรพางค์พักตร์วิลัยลักษณ์ตละอย่างนางดาหา
ทรงเศวตตามเพศปะตาปาเมื่อทิวาวัดพลับถวายไฟ
ว่าชนชายหลายแลในแอหนังให้กำลังพิศวาสไม่หวาดไหว
บ้างกรุยรักปักฉลากแล้วบากไม้บ้างสืบส่อบ้างให้แสวงบล
เห็นจะเปนศึกใหญ่ขึ้นในอกจะปิดปกเงื่อนงำคำฉงน
ไม่เชื่อภารการชายนี้หลายกลจึงนิพนธ์เพลงถามด้วยความแคลง
ใช่จะกล่าวแย้มเยื้อนเหมือนเตือนสติด้วยดำริห์ตริฟังเมื่อยังแฝง
ว่าปันหยีนั้นสิเปนคนแคลงจะลักบุษบาแปลงยังอำปลัง
เรื่องระเด่นจะเปนแอหนังนี้หรือเปนชีสาวใช้ในกาหลัง
กรรมวิบัติดอกจึงพลัดออกจากวังสีปัตหราชังกระมังเธอ
เร่งจำสืบแสวงดูให้รู้แท้ว่าใครแน่เปนหลังอาหลัดเหลอ
ชี้ตรอกบอกนามอย่าอำเออจะว่าเพ้อชี้ตรอกแล้วออกนาม
ฝ่ายเจ้าก็เปนตำรวจราชเฉลิมบาทชิดใช้ในสนาม
จะดำริห์สิ่งใดก็ไม่งามให้สมความฟูมฟักจำเริญเอยฯ ๑๖ คำ ฯ
            

๏ เสียดายรักหลงรักกะไรหนอ
มาหวังรักคิดว่ารักจักลงตอไม่เห็นข้อที่ว่ารักจักกลับชัง
น่าจะมีที่รักที่ร่วมคิดจึงเมินมิตรหน่ายรักที่ใจหวัง
จึงซ่อนรักหักทำเปนอำปลังน้อยหรือบังรักเล่นจนเห็นใจ
เจ้ายังรักสมรักประจักษ์จิตต์มาพาผิดรักร้างเราทางไหน
เจ้ารักร้อยสร้อยสนเปนยนต์ในรักจะไปแล้วมารานกลับพาลเรา
มีที่รักแล้วจะชักเปนเชิงเฉยอย่าพักบังรักเลยพอรู้เท่า
จะชี้ชื่อชายรักเหมือนลักเตาเหมือนรักอยากหยิบเงาให้ป่วยการ
ถึงจะไม่มีใจทยารักอย่าหาญหักรักร้างให้หมางสมาน
ก็เต็มหน้าเรื่องรักได้อัประมานแสนรำคาญคิดถึงรักก็หนักใจ
อันแรกรักก็ประจักษ์กับใจน้องไม่ตริตรองรักบ้างนี่ช่างไฉน
จึงปลิดรักหากปละละไปสิ้นอาลัยสิ้นรักก็อย่าเลย
ได้หลงรักก็จะรับแต่อัประยศเพราะจับจดจึงรักมักเชือนเฉย
แต่แรกรักมิได้หมายระคายเลยนิจจาเอ๋ยคิดว่ารักจึงหลงลม
เมื่อเมินรักแล้วมิหนำยังซ้ำภ้อเออหนออ่อรักนี่มักขม
เพราะรักหวานต้องพานแสลงลมมักชมแลจึงรักมักจืดจาง
โอ้ปลูกรักหวังรักบำรุงสงวนเออก็ควรหรือรักมาโรยหมาง
เพราะรักชู้มิได้รู้ว่ามียางจึงรักนางรักสมิทสนอมกาย
ประหลาทหนอรักนักย่อมวิบัติถึงรักกัดก็อุส่าห์รักษาหาย
เปนไรรักนี้ไฉนจึงไม่คลายจะจำตายเสียด้วยรักที่แรมครวญ
เสียดายรักโอ้ว่านิจจาเอ๋ยไม่เห็นเลยว่ารักจะหักหวน
เสียแรงรักมาดมุ่งผดุงนวลไม่ควรรักที่จะมาเปนราคี
มาเด็ดรักหักใจไม่ไว้หน้าอนิจจายอดรักมาผลักพี่
เสียแรงรักแก้วตาไม่ปราณีตั้งแต่นี้รักนางจะร้างเรา
จะตัดรักเสียให้ขาดในชาตินี้เท่าธุลีมิได้รักสมัคเจ้า
ให้สาสมอารมณ์รักที่เหลือเบาแต่เปล่าเปล่ารักร้างระคางใจ
ถึงจิตต์เจ้าจะมิรักก็หักเห็นอย่าทำเปนชิงรักให้พิสมัย
ไม่รักแล้วชมสารให้เต็มใจที่แกงไดเด็ดรักไมตรีกัน
วาสนารักนวลไม่ควรคู่จะร่วมรู้ร่วมรักภิรมย์ขวัญ
จะรักน้องมิได้ต้องน้ำใจกันก็จะบั่นบากรักที่เจตนา
ไม่รักง้อขอรักให้เหนื่อยจิตต์จะสู้ปลิดรักขาดไปชาติหน้า
จะขาดรักดั่งขากซึ่งเขฬาเรารักหน้ากลับกลืนก็เกลียดอาย
รักก่อจะมิต่อก็จำสารจึงจำราญรอนรักให้หักหาย
อันเรื่องรักขาดกันจนวันตายไม่มาดหมายหรือรักเจ้าเลยเอยฯ ๓๔ คำ ฯ
            

๏ ชาวศรีสมบูรณ์พูลสวัสดิ์
พี่หมายน้องเหมือนหนึ่งปองมณีรัตน์อันอุบัติอยู่ในยอดยุคุนธร
แสงสว่างกระจ่างจับเนตรแต่สังเกตมาก็สุดนุสนธิ์สมร
แม้นเหมือนวิทยาธรากรจะจรฟ้ามาสู่มณีนวล
มือจะพันสำลีประคองรับประจงจับลูบแก้วกำสงวน
มิให้หมองลอองลออนวลจะมิดม้วนมอบไว้เมียงชม
นี่สุดเหาะที่จะเหิรโพยมมาศแสนสวาทไม่วายคิดแต่ปฐม
ดำริห์รักหนักทรวงแสนระทมเหมือนเรือล่มลงว่ายทเลวน
จะมุ่งฝั่งก็ยังลับเหลือเนตรจะสังเกตแก่งเกาะก็ขัดสน
จะพึ่งขอนไม้น้อยก็ลอยชลแต่ว่ายวนปิ้มจะขาดใจจม
พี่มุ่งหมายเหมือนสายวารีรักอกจะหักด้วยไม่เสร็จประสงค์สม
แปดปีมิได้วายอารมณ์กรมยิ่งคิดชมยิ่งคิดไม่ขาดวัน
ชะรอยบุญเบื้องบุพพาสนองเหมือนพี่ปองจะไม่ป่วยประกันขวัญ
จึงมีเทพธิดาสาครคันเหาะหันเหิรเมฆสุเมรุมา
เห็นเรียมว่ายอยู่ในสายชลาเลื่อนจึงแย้มเยื้อนเสาวนีเสนหา
ว่าว่ายวนอยู่เห็นทนเวทนาจะปรารถนาฝั่งชลหรือกลใด
เรียมก็รับเสาวนีด้วยโสมนัสประนมหัตถ์นบนิ้วสนองไข
ค่อยคลายร้อนผ่อนทุกข์บรรเทาใจจึงวอนไหว้อวยถ้อยด้วยคำงาม
ก็บัญชาว่าจะช่วยโดยประสงค์จะพาส่งให้พ้นชลท่าข้าม
เดชะกุศลผลช่วยพยายามสดับความปานได้ดารากร
อันตกจากฟากฟ้าลงมาสถิตทรงประสิทธิมอบมือให้ถือสมร
อันความเทวษเวทนาในสาครค่อยคลายร้อนผ่อนทุกข์บันเทาทน
ตั้งปัญจางคประดิษฐ์จิตต์เคารพมีแต่พบมือเสี่ยงกุศลผล
ที่สุจริตมิได้คิดประทุษฐพลขอให้ดลบันดาลฤดีดุ
จงตอบรักเถิดอย่าชักให้รักเนิ่นอย่ามึนเมินหมางเคียงระคางอยู่
ได้ยินชอบอย่าตอบเชิญชูเหมือนช่วยกู้แก้เจ็บระกำใจ
ช่วยชมชูกู้ชีพภิรมย์รักเหมือนช่วยชักชวนทางพิสมัย
แม้นได้แอบแนบนวลสนิทในจะปลื้มใจทั้งเปรมปรีดา
จะถนอมสนิทถนัดแนบจะออมแอบอ่อนน้อมเสนหา
ทัศนาเจ้าเช่นแก้วแล้วไคลคลามาตามแถวถนนหน้าระเนียดราย
นวลโฉมแข่งแขวิมลพักตร์พี่ลอบลักรับขวัญแล้วขวัญหาย
อันใดแม้ได้ดำเนิรกายกลิ่นขจายคนธรสมาลินโรย
ทาสุคนธ์ปนเนื้อเจือกระแจะนั้นแหละจะกลายกระหายโหย
เพราะเห็นพักตร์เหมือนจะชักให้ดิ้นโดยเมื่อลมโบยโบกขวัญมาชมเชย
จึงสอดสารประสงค์สาราสนองจำลองลักษณ์ไมตรีที่พี่เฉลย
นแน่เจ้าจงแปรภิปรายเปรยเชิญเฉลยศุภสร้อยสารานำ
ถึงไม่มากก็สักสามบรรทัดครึ่งไม่เหมือนตึงตัดความอุปภัมถ์
แม้นมิสนองสารน้อมเสน่ห์นำจะเศร้าช้ำทุกข์ทอดถวิลครวล
กว่าจะสิ้นสมุดสุดดินสอเมื่อไรต่อวายมะพร้าวห้าวสวน
จึงจะขาดที่พี่มาดหมายประมวลหวนถวิลอยู่เปนนิตย์นิรันดร์เอยฯ ๔๐ คำ ฯ
            

๏ โฉมหอมหอมเหินเวหาหวน
แต่โหยหามิได้เว้นทิวาครวญควรสงวนเนตรทัศนานาง
งามเสงี่ยมเอี่ยมอิ่มชอ้อนพักตร์เจริญรักมิได้เอื้อนอางขนาง
งามศักดิ์งามสรรพสรรพางค์ดำเนิรนางอย่างเหมราชบิน
เมื่อยินยลกลวิษณุกรรมวาดมรรยาทพริ้งเพริดเฉิดฉิน
เมื่อนั่งเจียนเมียนแม้นอับสรอินทร์ฟ้าดินสิ้นเสียงสำเนียงนวล
เมื่อเจ้าพรายพักตร์พริ้มยิ้มเยื้อนเหมือนจะเตือนให้พี่ง่วงงงสงวน
งามสรรพสุนทราวิญญายวนงามกระบวนเนตรน้าวเสน่ห์นำ
งามใจใจเจียนเขียนแผ่นเพ็ชร์เผด็จพาลมารร้ายรคายขำ
งามเงื่อนชั่งเยื้อนเสงี่ยมงำงามคำงามคิดคดีงาม
ให้ควรด้วยจอมจักรพรรดิราชร่วมอาสน์แนบเนื้อเสน่ห์สนาม
ไม่ควรไกลไร้รสนิราทรามไม่ควรความจะเออองค์อาทวา
ให้ควรด้วยสิริโสภาคพักตร์บริรักษ์ศิวราชโกษฐา
จึงเสื่อมศักดิ์วรพักตรพนิดาดั่งหงส์ทองตกท่าสาธารณ์ชล
หากสุวรรณสัณฐานธรรมชาติแท้จะแปรเป็นราคีอย่าควรฉงน
มาดแม้นถมแผ่นพื้นภูวดลยังวิมลรัศมีให้หมองมัว
ดั่งหนึ่งนุชให้พี่สุดแสนถวิลมิได้มีมลทินโทษกลั้ว
สงวนศักดิ์รักตัวเห็นเหลือตัวดั่งดอกบัวในโบกขรณีเนา
ดอกเดียวเด่นดวงพิโดนชมลมโบกโชยกลิ่นขจรเสา
วคนธาทิพรสเกลี้ยงเกลาเฉลากลีบกลัดรบัดใบ
อันบุษบงในวงโบกขรพัสย่อมรบัดบานต้องอุทัยไข
กิมิชาติอาจบ่อนเบียนในปางภมรซอนไซ้สุมามาลย์
จนโรยร่วงรวงดอกออกฝักแฝงปางแมลงภู่เบียนเปนอาหาร
ที่ดอกแกมแนมในนทีธารก็บันดาลเสียดสีคลี่กลีบคลาย
อันภุมเรศนอกเขตสระสนานย่อมประมาณเมินมุ่งแล้วม่ายหมาย
ด้วยโกเมศภุมเรศสิร่อนรายมิได้คลายคลาดสร้อยสาโรชรวย
อันปทุมโกสุมที่สังเกตเห็นห่างเหตุเสื่อมสิ้นสีสลวย
เฉลิมนาสาชมด้วยลมชวยรทวยก้านพานพ้นวารีริน
อกเรียมเทียมภุมรินรักที่สำนักนอกสระกระแสสินธุ์
แต่ร่อนร้องวนเวียนเฉวียนบินถวิลซาบอาบสร้อยสุมาเมียง
คิดจะโจมโถมถาลงท่าจับแล้วขยับท้อถอยฤทัยเถียง
ร่อนร้องมองหมายรายเมียงเคียงแล้วเลียบเลี่ยงเข้ากล้ำกลิ่นกลืน
ไม่วายวันทิวาเว้นเทวษเพราะสังเกตนั้นสุดเสน่ห์ฝืน
แต่โหยหาทุกทิวาวันคืนไม่ได้ชื่นหน้านึกตริตรึกตรอง
เหมือนมยุราหมายเมฆาทิพากาศมิได้ร่วมอารมณ์มาดสนอง
เหมือนมัจฉาหมายเสียงฟ้าร้องดั่งหงส์ทองหมายมุจลินท์อินทร์
เหมือนพี่มุ่งมิได้สมอารมณ์มาดแสนสวาทมิได้เว้นวายถวิล
ดำริห์รักดั่งพลิกพลักแผ่นดินฤดีดิ้นจินตนาคะนึงตรอง
ว่ารักแล้วจะรู้อารมณ์ด้วยที่ปองปีมาจนป่วยใจผอม
ขอเชิญนุชสุดเสน่ห์ช่วยประนอมเสน่ห์น้อมพร้อมจินตนาการ
จงช่วยเพิ่มเสริมสันนิวาสาอย่าเมินหน้าม้วนเมินหมางสมาน
เอ็นดูคนที่ทุพลคะนึงนานเถิดอย่ารานเรื่องรักให้โรยรวน
อันบุบผาในพนมพนาเวศย่อมมีเหตุกลย่อมแล้วหอมหวน
ที่ไม่มีเจ้าของประคองนวลก็มักปรวนแปรเพศอันตรธาน
ถ้าผู้พานพอพบสบสำนักจะสอยชักหักกิ่งด้วยใจหาญ
ถ้าใกล้ภัยแมลงภู่แลหมู่พาลก็บันดาลร่วงโรยลงรายดิน
จะเสียเพศเสียพรรณบุบผชาติที่อุบัติมาให้มาดหมายถวิล
จะแห้งเปล่าเสียเปนเถ้าถมธรณินทร์ทั้งมลทินจะปลอมแปลกรคนปน
จะเสียทีเปนที่ภิรมย์รักเสียดายศักดิ์จะเอาศักดิ์ปฏิสนธิ์
จะเปนที่ติฉินราคินคนย่อมแจ้งราชนิพนธ์ภิปรายรบาย
ว่านางทรงศุภลักษณ์เปนศักดิศรีไม่เท่าที่ชายชั่วเฉาฉงาย
ประหนึ่งพลอยเพ็ชรรัตนพรรณรายไม่มีเรือนย่อมสลายเลื่อนรทม
ถึงถนอมออมไว้ก็ในเปล่าไม่งามเท่าที่รบายลายยาถม
ถึงมีรุ้งรัศมีโดยนิยมช่วงจะชมแต่เพ็ชรไม่มีเรือน
ธรรมดาว่าเพ็ชรสุหร่งรายให้เพริดพรายในวงศพงศเพื่อน
นี่รักเปล่าอยู่แต่เวียนเปลี่ยนเรือนมิทันรู้ก็เห็นเหมือนว่ามีวง
ถ้าช่างชาญชำนาญรังเรือนเห็นจะชี้เช่นรอยเรือนให้เหมือนประสงค์
ดั่งโฉมเฉิดเลิศลักษณ์อุดมวงศ์อันเพ็ชรสุหร่งนี้อย่ารักเรือนรอย
ไม่ปราณีพี่ควรคำนวณคิดด้วยสุจริตเรียมแท้ถ่องถอย
อันเอองค์นี้เหมือนหลงด้วยลมลอยปราณีหน่อยเถิดที่รักบำรุงชม
ถึงมิการุญเหมือนคำที่ร่ำรักเพราะต่ำศักดิมิควรร่วมอารมณ์สม
อย่าอยู่ช้าข้าพลอยเปลี่ยนทรวงรทมทั้งความกรมยิ่งจะเกรียมทรวงโทรม
อันสุดาถ้าและเว้นจากสามีนั้นชนกชนนีถนอมโฉม
ยังไม่ปลอดผู้ลอดประลองโลมก็มักโครมครุ่นอัประยศยวน
อันสัตรีมีที่เสน่หาประเพณีภัสดาเดียวสงวน
รวังงามความร้ายแปรปรวนทั้งกันสรวลมลทินแลนินทา
ทั้งกันหมู่ประมาทหมิ่นราคินข้องมาดหมองก็ได้ตรึกปรึกษา
ถ้าคราวโศกโรคร้อนพาธาครั้นเห็นหน้าก็ค่อยอันตรธาน
อันจะลอยลมว่านั้นหาไม่มิใช่เช่นลิ้นไล้น้ำตาลหวาน
แรกรักหวังรักไม่พลันรานอันทรวงชื่นนี้และนานจะเห็นทรวง
ไม่รักแล้วก็เร่งสืบสารสนองให้ขัดข้องใจพี่ที่แหนหวง
ถ้านิ่งนานไม่สืบสารโดยกระทรวงจะว่าดวงสมรพี่ปราณีเรียม
จงปราณีเสน่ห์หน่อยเถิดจอมสมรอันงามงอนนี้ไม่งามเท่างามเสงี่ยม
จะเจียมใจอยู่ก็สุดใจเจียมวานอย่าเลียมลบสารสมานกัน
วานอย่าเยื้องกระเบื้องร้อนรานร้าววานอย่ากล่าวคำเคียดเดียดฉัน
วานอย่าถือคำพาลมาพาลกันอย่าขึงมั่นอยู่ไม่ผ่อนใจเอยฯ ๗๖ คำ ฯ
            

๏ ปางพี่มาดหมายสมานสุมาลย์สมร
ดั่งหมายดวงหมายเดือนดารากรอันลอยพื้นอัมพรโพยมพราย
แม้นพี่เหิรเดิรได้ในเวหาศถึงจะมาดก็ไม่เสียซึ่งแรงหมาย
มิได้ชมก็พอได้ดำเนิรชายเมียงหมายรัศมีพิมานมอง
นี่สุดหมายที่จะมาดสุมาลย์สมานสุดหาญที่จะเหิรเวหาศห้อง
สุดคิดที่จะเข้าเคียงประคองสุดสนองใจสนิทเสน่ห์กัน
โอ้แต่นี้นับทวีแต่เทวษจะต้องนองชลเนตรกันแสงศัลย์
จะแลลับเหมือนหนึ่งดับเดือนตะวันเมื่อเลี้ยวเหลี่ยมสัตภัณฑ์ยุคันธร
ยิ่งคะนึงก็ยิ่งนานจะเห็นพักตร์ฉวยฉุดรักแล้วก็ทอดฤทัยถอน
ไม่เห็นกรรมว่าจะนำให้ไกลกรไม่เห็นรักว่าจะรอนให้แรมโรย
อกเอ๋ยเมื่อได้เคยประโลมเล่นครั้นห่างเห็นแล้วก็ตั้งแต่เตือนโหย
ยามดำเนิรเดิรดิ้นอาดูรโดยก่นแต่โกยกอบทุกข์มาทับกาย
จะผ่อนผันฉันใดก็ใช่ที่อันนับปีแต่จะเริศร้างหาย
จะอาดูรแต่ผู้เดียวอยู่เปลี่ยวกายมิได้วายความถวิลที่จินตนา
แสนเทวษสุดทวีครั้งนี้เอ๋ยไม่เห็นเลยว่าจะน้อยวาสนา
แต่ปางไกลแสนอาลัยทุกเวลาครั้นคิดมาไม่เห็นหน้าแล้วอาวรณ์
แสนรักจะร่วมเรือนเหมือนบุหรงที่พิศวงภาณุมาศประภัสสร
เมื่อเลี้ยวลับศีขรินลงรอนรอนสุดอาวรณ์ที่นกยุงจะมุ่งปอง
แสนวิตกเหมือนกระต่ายที่ใฝ่ฝันแสงพระจันทร์งามจรเวหาศห้อง
พระจันทรอยู่สำราญวิมานทองหรือจะปองใจหมายกระต่ายดง
สงสารอกกระต่ายป่าปักษาชาติ์จะวายชีวาตม์ดับชีวิตด้วยพิศวง
แสนคนึงถึงเสน่ห์ที่จำนงก็เหมือนอกกระต่ายดงที่หลงเดือน
โอ้สุดคิดสุดฤทธิ์เห็นสุดรักเพราะต่ำพักตรไม่มีศักดิ์เสมอเหมือน
ใครจะช่วยบำรุงรักช่วยตักเตือนโอ้นับเดือนก็จะลับไปนับวัน
ถึงจำจากเพราะวิบากให้วิบัติขอกอดสัตย์ไปจนสิ้นชีวาสัญ
ได้ตั้งใจมิตรจิตต์คิดผูกพันขอหมายมั่นกว่าจะม้วยชนมาน
ถ้าดับชีวิตไปสวรรค์ขั้นใดไฉนขอตามไปร่วมทิพย์พิมานสมาน
ทุกขมหันต์อรรณพอเนกนานจนสู่สถานที่สถิตนิพพานเมือง
โอ้ชาตินี้เห็นน้อยแล้วความสุขจะแสนทุกข์สุดโทมนัสเนื่อง
สุดปลุกใจปล้ำให้โศกเปลืองยิ่งครุ่นคิดแล้วก็เครื่องทวีครวญ
เมื่อเวลามาบำราสให้ขาดรักสงวนศักดิไว้ให้งามเถิดทรามสงวน
คิดเสงี่ยมเจียมพักตรแต่พอควรใครสงวนไม่เท่านวลสงวนกาย
เห็นสุดถวิลสุดสิ้นบุพเพนิวาสที่มุ่งมาดมิได้สมอารมณ์หมาย
เจ็บจิตต์คิดจะวางชีวาวายก็เสียดายด้วยอาลัยมิได้ลา
เชิญสำราญเถิดแม่อย่าหมองพักตร์จงคงศักดิ์คงสถิตในยศถา
ต่อเมื่อไรวันกำหนดมรณาขอเห็นหน้าเสียสักหน่อยพอชื่นใจ
อย่าเสียแรงที่มุ่งบำรุงรักมาดสมัคหมายสมานพิสมัย
ได้เห็นหน้าแล้วจะลาชีวาลัยจะอวยโอษฐ์ให้อโหสิกรรมกัน
ถึงอยู่ใกล้ก็เหมือนไกลเพราะใช่คู่จึงมิได้ชูชมโฉมประโลมขวัญ
เห็นสิ้นบุญแล้วในเบื้องปัจจุบันขอหมายมั่นบุญเบื้องบุรพา
แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้างขอร่วมห้องอย่าให้ห่างเสนหา
เสี่ยงผลที่ได้เพิ่มบำเพ็ญมาขอร่วมชีวาร่วมวางชีวาวาย
เกิดไหนขอให้ได้ถนอมพักตร์ความรักอย่าได้ร้างอารมณ์สลาย
รักนุชอย่าได้สุดเสน่ห์คลายขอสมหมายที่ข้ามาดสมุทาน
อันสาราบำราสบำรุงคิดจารึกไว้โดยสุจริตสาร
พยายามตามสัตย์ปัญญาญาณพอแจ้งการณ์ที่มีกรรมในกายเอยฯ ๔๖ คำ ฯ

ประชุมเพลงยาว ภาคที่ ๗ เพลงยาวความเก่า แจกในการกฐินพระราชทานมหาอำมาตย์ตรี หม่อมเจ้าอุดมดิเรกลาภ ผู้ช่วยอธิบดีกรมสรรพากร ณ วัดมหาพฤฒาราม พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น