๏ สดับข่าวที่เขากล่าวเกลี้ยงถึง | ||||
แต่ยินความก็ให้งามใจคนึง | แสนรำพึงมิได้พบดั่งหลบกัน | |||
นิจจาเอ๋ยเคยยลแต่หนหลัง | ถึงเมื่อครั้งคราวเปรมเกษมสันต์ | |||
ที่ทรงโฉมประโลมลักษณ์วิลัยวรรณ | สารพรรณจะผ่องเพลินจำเริญตา | |||
ทั้งสมบูรณ์อยู่ในจุลจักรพรรดิ | ภิรมย์สวัสดิ์ร่วมราชโกษฐา | |||
มาเร่อร่ำให้ทำที่ศรีสุดา | ทั้งอุส่าห์เบือนบิดจริตงาม | |||
ไปฝึกฝนกันที่ต้นลำไยเก่า | ข้างลำเนาสรรเพ็ชญ์ปราสาทสนาม | |||
ถ้าตัวตายและจะหายคนึงความ | ด้วยชู้งามนั้นยังงามอยู่ในใจ | |||
จนเสียเมืองมาด้วยกันทุกวันนี้ | ก็มีแต่ทุกข์ทนกมลไหม้ | |||
สารพัดจะไม่วัฒนาใจ | ดั่งเสียไฟเฝ้าเป่าหิ่งห้อยแฮ | |||
แทบจะสิ้นแรงกายไม่พรายวับ | แล้วก็ดับมิได้แจ้งเหมือนแสงแข | |||
ถึงยามชื่นก็เหมือนขืนจักขุแล | ก็มีแต่ชอกช้ำระกำกวน | |||
จะใคร่ถามข่าวบ้างก็ยังคิด | กลัวจะบิดไปด้วยเมินสเทินหวน | |||
แล้วเกรงความจะว่าลามเปนลมลวน | จึงสู้ม้วนเสน่ห์ไหม้ไว้ในกาย | |||
เดชะผลสุจริตไม่คิดประทุษฐ์ | เหมือนเต่าผุดจำเพาะตะเมาะหมาย | |||
ครั้นเขาออกชื่อชี้ว่ามีนาย | แล้วก็บ่ายบากหน้านิรานาน | |||
ให้ขุ่นคล้ำช้ำใจอยู่ในอก | แสนวิตกอนิจจาน่าสงสาร | |||
เสียดายเนื้อที่เปนเชื้อชาวในนาน | จะว่าบุญบันดาลหรือกรรมกวน | |||
หรือจะคราวเคราะห์โศกโรคร้อน | หรือจะถาวรแจ่มในอยู่ในสวน | |||
นี่ยืมสารจะไปอ่านเปนเพลงครวญ | อันเชิงชวนจะให้เชิญดำเนิรไป | |||
ถึงสถานจะใคร่พานพบพักตร์ | ก็บุญหนักยกหน้าขึ้นเปนไหน | |||
พอแจ้งข่าวก็ผ่าวอาลัยไป | ดั่งสายใจนี้จะยืดไปตามยิน | |||
สุจริตว่าบุราณนี่นานเห็น | เพราะไม่เช่นลมพาลที่หวานถวิล | |||
จะเห็นใจก็แต่ในอมรินทร์ | จะแจ้งจินตนานักประจักษ์การ | |||
แล้วไร้คนที่จะชี้คดีถึง | ความคะนึงเหมือนจะเมินหมางสมาน | |||
ที่จำเริญพาไปแปดประการ | ข้าขอรับกังวานไว้ในกรรณ | |||
ดั่งได้น้ำฟ้าสุธารส | ที่สลดค่อยชื่นประชุมขวัญ | |||
ถ้าพอว่าราชกิจที่ติดพัน | จะตั้งใจจรจรัลไปหาเอย | ฯ ๒๘ คำ ฯ | ||
๏ ได้สดับสร้อยสุนทรสาร | ||||
ไพเราะเสนาะล้ำคำพจมาน | สำเนาสารหวานเพราะเสนาะจริง | |||
สารทราบอาบทรวงดวงกมล | ดั่งสุคนธ์ปนประให้เย็นยิ่ง | |||
ข้าขอบคุณที่การุญกันจริงจริง | ไม่ประวิงสิ่งซึ่งเปนลาภา | |||
ขอบข้อคำที่เจ้าร่ำมาในสาร | ให้ภิยยานยศยิ่งเปนสุขา | |||
ยังประวิงสิ่งซึ่งที่วัจนา | ว่าจะมาหาบ้านนั้นยังแคลง | |||
แต่คอยคอยเหมือนจะลอยหลีกหาย | นับวันเดือนระคายอารมณ์แหนง | |||
เห็นผิดเชิงคิดว่าหมางระคางแคลง | หรือใครแกล้งแย้งยุระบุความ | |||
ว่าเรานี้ถอยด้วยน้อยยศ | ประกอบหมดจึงคิดในจิตต์ขาม | |||
ครั้นลงมากลัวจะพาที่พักตรงาม | ให้เสื่อมนามทรามยศสลดลง | |||
จึงยั้งคิดบิดเบือนอยู่ดั่งนี้ | เห็นจะมีผู้ทัดขัดประสงค์ | |||
เจ้าว่าไว้ถ้าใครมายุยง | อย่าให้หลงยินถ้อยจำนรรจา | |||
อันเรานี้มิได้มีซึ่งสิ่งแหนง | คิดระแวงฝ่ายเจ้าจะกังขา | |||
ดัวยเจียมตนว่าเปนคนอัพลา | ไม่วัฒนาแจ่มแจ้งงามสกนธ์ | |||
เพียงศรีอนุชาชีวาลัย | จะผินพักตรพึ่งใครก็ขัดสน | |||
ให้ระคางหมางมัวด้วยตัวจน | จึงสู้ทนมิดม้วนสงวนกาย | |||
ปลูกถั่วปลูกงาประสายาก | เก็บผักพลหมากมะพร้าวขาย | |||
พอได้เลี้ยงอาตมารักษากาย | ไม่สู้สบายเหมือนเก่าแต่ก่อนมา | |||
ซึ่งให้ยืมสารามาทั้งนี้ | เพราะมีมโนถวิลหา | |||
ใคร่พบพักตรประจักษ์เนตรสักเวลา | ด้วยจากมาตัวเจ้ายังเยาว์นัก | |||
แต่ครั้งเมื่อพระสยมบรมพงศ์ | อยู่บรรยงก์รัตนาสน์เฉลิมศักดิ์ | |||
จนเสียเมืองเคืองแค้นใจนัก | มิได้พานพบพักตรกันบ้างเลย | |||
ต่ออยู่มาช้านานจนป่านนี้ | เขาพึ่งชี้ชื่อเจ้านิจจาเอ๋ย | |||
อนิจจาไม้รู้ว่ายังไรเลย | พุทโธ่เอ๋ยเหมือนจะเมินสเทินกัน | |||
เขาบอกว่าอยู่ดีได้มียศ | ก็พลอยสดปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | |||
ธุระร้อนจะได้จรไปหากัน | ให้พันภิยโยยิ่งประเสริฐชน | |||
ฝ่ายเราก็แก่ชราไร้ | เสมือนไหม้ใกล้ฝั่งไม่เปนผล | |||
ที่การเล่นมิได้เปนซึ่งกังวล | รักษาแต่ตัวตนทุกวันเอย | ฯ ๒๘ คำ ฯ | ||
๏ ชายเนตรจวบเนตรพิษศรแสลง | ||||
ดั่งเมขลาฉายท่ามณีแทง | ให้แสงต้องอสุรีที่ราญรอน | |||
ก็ลดองค์ลงยังเงื้อมเมรุมาศ | ปิ้มจะขาดชีพม้วยด้วยดวงสมร | |||
จะไล่โลมโฉมนางกลางอัมพร | ก็อ่อนจิตต์ไปด้วยฤทธิ์มณีพราย | |||
อันนิลเนตรน้องส่องมาสบพี่ | ยิ่งมณีนางฟ้าที่ง่าฉาย | |||
เมื่อวาบวับจับดวงฤดีชาย | ก็หมายชีพม้วยด้วยแสงนิล | |||
ประเมินม่อยผอยพักตรตลึงหลง | ก็จงจิตต์สมานที่ชาญถวิล | |||
สิ้นประมาทอาชญาแลมลทิน | สิ้นประคิ่นประดิพัทธในภัสดา | |||
แสร้างมิดม้วนชวนชื่นขืนคืนสวาท | แล้วหยาดน้ำอาลัยไว้ในหน้า | |||
พอสงฆ์กลับจึงคำนับวาจาลา | พี่เดิรฝ่าภาคพักตรตระหน่ำนาง | |||
บำหยัดเท้าก้าวหน้าพว้าหลัง | ระวังน้องลืมยั้งระวังย่าง | |||
อัฒจันท์ยิ่งอัศจรรย์ลาง | พี่เหยียบขวางไขว่คั่นว่าชั้นเดียว | |||
ถึงสีดาประจวบตาพระราเมศร์ | เจ็บเทวษแต่กระนั้นไม่ส้านเสียว | |||
อันพี่เจ็บนี้เจ็บจริงจริงเจียว | ดั่งแหลมเหล็กเรี่ยวร้อยในตาชาย | |||
ชะชะเจ็บรักนี่หนักหนา | ยิ่งฝืนฝ่าก็ยิ่งท้ออารมณ์หมาย | |||
ว่าตาดูรู้รสกันด่วนตาย | เดิมนารายน์เพิ่มพิษยุพาพาล | |||
พระชวนชมสมโฉมด้วยดลเนตร | วันประเวศบัญชรพิมานสถาน | |||
จะเคลื่อนเงาเงื่อนนี้แลนิพพาน | ประมาณเถิดเห็นจะมีราคีดำ | |||
เจ้าดั่งดวงดาราทิพยมาศ | ลอยลีลาศเลื่อนแสงขึ้นแข่งขำ | |||
ครั้นมลทินจันทร์ทับก็อับดำ | เข้าประจำล้อมอยู่ดาวดูที | |||
จะสดสร่างกระจ่างงามอร่ามพื้น | ไม่ใฝ่ฝืนฝ่าเทวราศี | |||
เดิรระวางทางจักรงามดี | ด้วยเว้นแสงพระสุริยศรีร้อนรอน | |||
จะเกรงไยในหมู่พลาหก | ถึงจะตกก็ไม่ตัดประภัศร | |||
เชิญเลี้ยวเลื่อมมาที่เงื้อมยุคันธร | จะเวียนวอนตาโลกให้ชมดวง | |||
หนึ่งสัญจรปทุมาในวาเรศ | ไม่ว่าเพศเช่นพงศประสงค์สรวง | |||
สัณฐานจอกดอกชอุ่มเปนพุ่มพวง | เกิดในห้วงวารีนิโครธา | |||
ฝ่ายโกเมศหมู่สวะอยู่สระสรง | ใช่บัวบงกชเกศในนาถา | |||
พื้นผลซึ่งรคนสาโรชา | ล้วนวารินไคลเคล้าเข้าเวียนเบียน | |||
อย่านึกแหนงใช่จะแกล้งแสดงสดับ | ถ้าแม้นรับแล้วอย่ารักเปนพาเหียร | |||
เห็นไหนงามตามเถิดจะเวียนเพียร | ช่วยถอนเศร้าถอนเสี้ยนเสียหน่อยเอย | ฯ ๓๐ คำ ฯ | ||
๏ โอ้แสนเวทนานะอกเอ๋ย | ||||
ความรกำช้ำใจกระไรเลย | มีแต่เปรยแปรเปนอยู่เช่นนี้ | |||
เพียงทรวงพี่จะแยกแตกเปนสอง | ไฉนน้องเจ้าไม่เห็นในอกพี่ | |||
ไม่วายสวาทขาดรักสักนาที | มีแต่ครุ่นครวญคิดเปนนิจกาล | |||
แสนเสน่ห์ในสมายิ่งศรปัก | แสนรักรึงใจนั้นไม่สมาน | |||
แสนร้อนร้อนเร่าอุระราน | แสนสงสารใจจริงทุกสิ่งอัน | |||
เจ็บใจด้วยนางจางใจเจื่อน | ช่างเฉยเชือนมิได้ชวนเกษมสันต์ | |||
สุดจะทนจึงสอดสารรำพรรณ | ยิ่งอึ้งอั้นอยู่มิเอื้อนปราณี | |||
ครั้นเตือนต่อก็ตึงไม่ตอบเตือน | ทำบากเบือนเบี่ยงบ่ายธิบายหนี | |||
ก่นแต่เลียมล่อเล่นอยู่เช่นนี้ | ทำทีจะลวงให้ละลานใจ | |||
สองผิดวประดิภาคหลากใจพี่ | จะหมองไมตรีเมินไปถึงไหน | |||
อันสถานซึ่งสถิตใช่ใกล้ไกล | ชะกระไรใจนางช่างเชือนแช | |||
มีแต่หม่นมืดม้วนสงวนพักตร์ | เหตุว่ารักข้างเดียวจริงเจียวแหล | |||
แต่เหลือบเลี่ยงเจ้าไม่เบี่ยงจักษุแล | แหเหินเมินสวาทโอ้บาดใจ | |||
จะบำบัดตัดมารประหารห่วง | จะละล่วงเลยภพแล้วหรือไฉน | |||
หรือว่าหมางรคางรคายใจ | จงดัดให้ตอบต่อที่ข้อวอน | |||
โฉมเฉลาเยาวลักษณ์แก้วกากี | สถิตถึงฉิมพลียอดศิงขร | |||
ข้ามเขตนทีสีทันดร | ยากมนุษย์สุดจะจรครรไลยไป | |||
อันคนธรรพ์นั้นสูอย่าดูหมิ่น | ยังโดยปีกสุบรรณบินไปสมได้ | |||
แสนสำราญในสถานพิมานไชย | กรรมใดจึงมาดลให้ทรมาน | |||
อันอิเหนากับเยาวราชจินตหรา | นคราก็ทุเรศทุราสถาน | |||
ไม่จงใจที่จะไปส่งสการ | ก็ไม่พานเวียงไชยพระไอยกี | |||
จนได้เคล้นเน้นแนบแอบสมร | ร่วมร้อนจินตหรามารศรี | |||
ชะจนใจมาดหมายหลายปี | ไยจึงหมีเหมือนคิดที่จิตต์จง | |||
องค์รเด่นบุษบากาหลัง | นางไม่หวังแต่ชายพิศวง | |||
ทั้งกรรมหลังเหลือยากลำบากองค์ | ปิ้มจะปลงชีวิตเปนนิจกาล | |||
ก็ได้เคล้นเน้นแนบแอบสมร | ร่วมร้อนปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ | |||
ฝ่ายพี่ที่ผู้ทรมาน | ไฉนนานหน่วงรักหักอารมณ์ | |||
แม้นได้เหมือนกำลังจะยังชั่ว | กลัวแต่มุ่งมาดหมายจะไม่สม | |||
แต่มิเอื้อนอยู่ไม่เยื้อนชวนชูชม | จะเกรียมกรมกรอมทุกข์ทุกอิริยา | |||
ดั่งโมรินทินกรหย่อนยอแสง | แต่แสวงหวังมุ่งเมขลา | |||
ส่วนเมฆไม่มีจิตต์เจตนา | มยุราเหมือนพี่ที่แสนคนึง | |||
สุดถวิลดั่งจะสิ้นเสน่ห์สนิท | ลับหลังก่นแต่คิดนิมิตถึง | |||
ว่าร่วมอาสน์เจ้าได้เคล้าคลึง | รักรึกเน้นแนบอุรพา | |||
จุมพิตนิทราหรรษาสอง | กรตระกองเกี้ยวกอดสอดหา | |||
ยังไม่ทันสิ้นชื่นก็ตื่นตา | ไม่ว่าฝันเลยสำคัญว่าจริงเจียว | |||
คว้าเปล่าเศร้าจิตต์แล้วใจหาย | สอดสายตาสุดที่จะแลเหลียว | |||
ดั่งใครมาหยิบยกกายไปทีเดียว | แสนเปลี่ยวโอษฐโอ้อยู่อาทวา | |||
นึกในนิมิตรเห็นผิดประหลาท | พอน้องนาฏใช้คนให้มาหา | |||
ขอยืมสารให้อ่านอักขรา | เปนวาทีทิพยมนต์แสดง | |||
ฟังเร่งยินดีทวีถวิล | แต่หวังใจอยู่ด้วยจินตนาแหนง | |||
เกลือกจะยอแต่พอรบมอารมณ์แรง | ให้หิวแห้งเหือดรักโอ้หนักใจ | |||
แม้นน้องช่วยอวยสารสนองพี่ | เปนไรมีสาราจะหาให้ | |||
อันมีมิตรผิดประหลาทเร่งบาดใจ | เปนไฉนเชิญช่วยทำนายเอย | ฯ ๔๔ คำ ฯ | ||
๏ ได้ยินข่าวที่เขาสรวลสำรวลฉาว | ||||
ว่านกน้อยนั้นจะงอยฝีปากยาว | จะแข่งครุฑข้ามอ่าวสมุทร์ไท | |||
ขากระต่ายหรือจะหมายหยั่งสมุทร์ | จะสิ้นสุดพากพื้นสักเพียงไหน | |||
หิ่งห้อยหรือจะโต้อโณทัย | สกุณไก่หรือจะบินกับอินทรีย์ | |||
จอมปลวกหรือจะเปรียบเมรุมาศ | มนุษยชาติหรือจะเหมือนกับโกสีย์ | |||
กระบิลงูหรือจะสู้กับนาคี | อันเมืองนี้หรือจะแม้นวิมานอินทร์ | |||
อนึ่งแก้วจอมจุลจักรพรรดิ | อันปัดหรือจะเท่าเทียมถวิล | |||
จะขึ้นแข่งรัศมีมณีนิล | เมื่อไม่สิ้นชาติกรวดแค่นอวดงาม | |||
เอาแต่ทองรองซับพอรับพื้น | ให้ชูชื่นแววไวในสนาม | |||
ปะเขารู้สันทัดว่าปัดทราม | จะอายความรู้สักเท่าไรไป | |||
ไม่รู้หรือนาคาวราฤทธิ์ | สุภาษิตเปรียบเทียบกับสุริย์ใส | |||
ยังยอบกายเกรงพลั้งรวังภัย | จะครรไลยก็ค่อยเลื่อนลีลามา | |||
แมลงป่องพิษวางที่หางนิด | หรืองอนประหงิดให้เกินนิวาสา | |||
อหังการดั่งจะต้านด้วยนาคา | สเออะหน้ามิได้ยั้งรวังอาย | |||
ดั่งกวางเห็นเสือผอมด้อมเดิรพลาด | ทนงอาจเข้าเคียงขวิดด้วยจิตต์หมาย | |||
ไม่เจียมชาติเขาประเชินให้เกินกาย | ต่อจวนตายดอกจึงรู้ว่าตูกวาง | |||
ดั่งสุกรอวดดีกับสีหราช | ทนงอาจใจใหญ่ออกยืนขวาง | |||
แล้วร้องท้าว่าท่านสัตว์จัตุบาทางค์ | เราก็สร้างสี่เท้ามาคราวกัน | |||
ควรที่จะชิงไชยเอาไว้ยศ | ให้ปรากฏทั่วฟ้าสุธาสวรรค์ | |||
แล้วก็ทำขนแขงแปรงชัน | ขยับยันทีจะวิ่งเข้าชิงไชย | |||
สีหราชร้องเย้ยว่าเหวยหมู | ทุรชาติเช่นกูนี้เกลียดใกล้ | |||
จะไว้ยศชื่อเราก็เข้าใจ | เสียในกิตติศัพท์สกุลกู | |||
ขอรับแพ้แก่ท่านไม่หาญต่อ | อย่ากล่าวล่อเหลืออาจประหลาทหู | |||
สีหราชหลบลี้มิขอดู | ก็ไปสู่ถ้ำแก้วแกมทอง | |||
ดั่งมณฑุกเกิดในชลาสินธุ์ | อยู่ใกล้กลิ่นกุสุมวิเชียรฉลอง | |||
ไม่รู้รสชื่นชมก็สมพอง | ในลอองเกศแก้ววราราย | |||
แมลงภู่ซึ่งอยู่พนัสฐาน | รสสุมาลย์เสาะสืบแสวงหมาย | |||
ได้เชยซาบอาบต้องลอองอาย | ใสสุหร่ายเสียดสร้อยสุมาลา | |||
ดั่งบุรุษเรียนรู้ที่ครูสอน | ใครโง่งอนเหมือนดั่งผมบังภูผา | |||
เช่นคนใช้เจนหัดอยู่อัตรา | ที่โอชามิได้รู้ซึ่งรสแกง | |||
ดั่งมะเดื่อแดงดีดังสีชาด | ใสสะอาดน่าดูเชิดชูแสง | |||
ฝ่ายเปลือกนั้นเห็นงามอร่ามแดง | ต่อฉีกดูจึ่งแจ้งว่าหนอนใน | |||
ก็ต้องบทกำหนดขนุนหนาม | ข้างนอกทรามเหมือนจะลองไม่ต้องได้ | |||
ครั้นผ่าดูดอกจึ่งรู้ว่าหวานใน | ประเสริฐได้โอชารสจำเริญชู | |||
ไม่เหมือนมะเดื่อแดงก่ำดังธรรมชาติ | ข้างนอกฉาดในหนอนบ่อนบินฉู่ | |||
ปะเปลือกต้นแก่นใบใครไม่รู้ | จะพาพูและกระพี้ให้พลอยอาย | |||
ทั้งตัวหนอนก็จะบ่อนเข้าเบียนกัด | อิกลมพาลก็จะพัดให้หมองหมาย | |||
เขาจะถากเปลือกข้นจนต้นตาย | ก็ไม่วายอุปวาทเพราะฝาดดี | |||
ทั้งจะนำหน้ามูลประยูรยศ | อยู่ที่บทมะเดื่อแดงแสงสี | |||
ถ้าแม้นปะเราเปนเหมือนเช่นนี้ | น่าที่จะดับจิตต์ไม่คิดตัว | |||
จะผินเข้ากอดศักดิ์ด้วยรักเชื้อ | ถึงช้ำเดื่อก็ไม่เอาไว้ให้ใครหัว | |||
ด้วยไม่แท้ทองคำจึงคล้ำมัว | ต่อจะเปนแต่ตะกั่วตะกูทอง | |||
อันเนื้อนพคุณแท้นี่แน่เจ้า | ถึงจะเผาสิบไฟก็ไม่หมอง | |||
จะซ้ำใส่เบ้ากรดเข้าทดลอง | ยิ่งจะผ่องเนื้อน้ำอำไพ | |||
จึงองอาจว่าเปนชาติทองแท้ | อย่าควรคิดว่าจะแปรเปนปัถมัย | |||
ไม่เหมือนเดื่อกับตะกูให้ดูไกล | มิเข้าใจกลล่อก็หลงงาม | |||
ครั้นพินิจดูไปก็ในเปล่า | ไม่ได้เนื้อสำเนาขนุนหนาม | |||
เหมือนว่าหมึกหมายชื่อให้ลือนาม | ไว้เปนความแขวนปากทั้งปวงไป | |||
ต้องร้อนตัวอยู่เหมือนวัวรวังแผล | แต่กาแลวิปลาสก็หวาดไหว | |||
เพราะเจ็บนอกนั้นช้ำเหมือนคำใน | จนบรรไลยก็อย่าหมายไม่หายเอย | ฯ ๕๐ คำ ฯ | ||
๏ ขาวเหลืองเรืองศรีวิเชียรฉาย | ||||
แสนสวาทมิได้ขาดทิวาวาย | เสน่ห์หมายวชิรรัตนอลงกรณ์ | |||
แสงสว่างกระจ่างแจ่มจับเนตร | วันประเวศบนวิบูลยศิงขร | |||
แม้นเรืองฤทธิ์เหมือนวิทยาธร | จะเขจรแหวกเมฆไปเมียงชม | |||
พื้นหัตถ์จะประชีสำลีรอง | จะประคองช้อนชูมาสู่สม | |||
แสนสงวนมิให้ต้องลอองลม | จะวางชมบนพื้นสุมาลี | |||
วัตถาเวียนวงจะประดับ | มิให้อับอ่อนแสงมณีศรี | |||
จะแนบไว้ในอุราทุกนาฑี | อันราคีมิให้ปนรคนพาล | |||
นี่สุดยากที่จะบากอารมณ์ถวิล | ทั้งเดิรดินแล้วก็ขลาดไม่อาจหาญ | |||
ตั้งแต่ทนเทวษช้ำรกำนาน | ก็นับวารวายชีพนิราทวา | |||
เพราะกนิษฐ์และได้คิดภิรมย์รัก | เสน่ห์หนักในเพศแห่งเชษฐา | |||
ไม่สมหมายก็ไม่วายจินตนา | จะฝืนฝ่าฝากรักก็สุดใจ | |||
อนุชาเหมือนว่ายวนวาเรศ | ลอยประเวศตามสายชลาไหล | |||
จะบ่ายหน้าหาฝั่งก็ยังไกล | จะพึ่งพักขอนไม้ไม่ทานตน | |||
อันสัดจองนาวาก็หายาก | จะเบือนบากพึ่งใครก็ขัดสน | |||
แต่เวียนว่ายอยู่ในสายทเลวน | แสนทุพลยอดยากลำบากกาย | |||
เห็นแต่พี่แลจะชูชีวิตน้อง | ช่วยประคองขึ้นให้พ้นกระแสสาย | |||
เมื่อการุญทำคุณไว้ไม่ตาย | จะบากบ่ายนำเสน่ห์สนองกัน | |||
ไม่ลืมคุณอุปการคุ้งวันหน้า | จนม้วยสิ้นดินฟ้าสุธาสวรรค์ | |||
เชิญสมานกายโดยรบอบบรรพ์ | วานอย่าฉันทาเคียดรังเกียจกวน | |||
เชิญสนองในคลองเสน่ห์มิตร | คำนึงคิดอยู่ในฤทัยสงวน | |||
ถ้ารับรักแล้วอย่ารักให้เรรวน | วานอย่าม้วนสวาทไว้ให้เนิ่นนาน | |||
เชิญร่วมอารมณ์ภิรมย์รัก | ให้สมศักดิ์สมสวาทในมาศฐาน | |||
อย่าแหนงรักเลยว่ารักจะพลันราญ | สดับสารแล้วอย่าคิดรแวงแคลง | |||
ประการใดในประเพณีสวาท | ขอประสาทเสน่ห์ไว้ไม่ควรแถลง | |||
หนึ่งเชษฐาถึงจักว่ารักแรง | จงให้แจ้งแต่รับไมตรีตรอง | |||
เอ็นดูเถิดที่ธุระทุรารักษ์ | เห็นแก่พักตรเถิดจงเยื้อนเสน่ห์สนอง | |||
ดำริห์รักแล้วอย่าคิดให้ผิดคลอง | ไมตรีประคองอย่าให้สูญสวาทเอย | ฯ ๒๘ คำ ฯ | ||
๏ ชังใจที่ไม่เจียมใจสงวน | ||||
ชังหน้าที่หน้ามาหมองนวล | เออก็ควรหรือมาริให้เร่งตรอม | |||
ไม่เจียมตนเลยว่าตนนี้ต่ำศักดิ์ | มาริรักที่ไม่ควรประครองถนอม | |||
หมายใจอยู่ว่าใจอยู่ในจอม | มีแต่มอมหน้าม่อยให้อัประมาน | |||
ไม่รู้หรือว่าประยูรวิหคหงส์ | ถวิลลงโบกขรพัสนัทีสถาน | |||
ไม่ร่วมชาติกาจกาสกุลกาฬ | โอ้ประมาณเหมือนอกจรกา | |||
ต่ำศักดิ์หรือมารักวงศเทเวศร์ | ให้ผิดเพศตุนาหงันอสัญหยา | |||
เหมือนอิเหนาเสาวภาคกับบุษบา | เออสาสิที่ใจไม่เจียมใจ | |||
ยิ่งห้ามใจว่าอย่าใฝ่วงศาสูง | ใจยิ่งจูงใจตรึกนี่นึกไฉน | |||
แต่เวียนหวังอยู่มิฟังวิญญาไย | นี่ใครใช้หรือจึงครุ่นทวีครวญ | |||
เปนน้อยใจหนอใจไม่ฟังห้าม | มารักงามที่ไม่รู้เสงี่ยมสงวน | |||
ใจเอ๋ยหรือมาเฉยชล่าลวน | เมื่อไม่ควรหรือมาควรคะนึงนาน | |||
ไม่เจียมตนหรือว่าตนเปนหิ่งห้อย | มาทิ้งรอยตามแสงพระสุริย์ฉาน | |||
ท่านเหมือนพลอยเพ็ชรรัตน์ชัชวาล | ตัวนี้ปานปูนปัดหรือควรปอง | |||
มาหมายแก้วจอมจุลจักรพรรดิ | ให้เสื่อมสวัสดิ์รัศมีมณีหมอง | |||
เปนน้อยใจด้วยว่าใจไม่ตรึกตรอง | ใจที่จองหองห้ามยิ่งหยามใจ | |||
ตนกระต่ายหรือมาหมายจิตต์จง | มางวยงงอยู่ด้วยแสงศศิไข | |||
เมื่อจันทร์แจ่มแต้มตัวกระต่ายใน | วงเปนไรกระต่ายไม่หมายชม | |||
ถ้าใครช่วยชูมั่งจะยังชั่ว | ให้ใจกลัวจึงจะสาแก่ใจสม | |||
ถ้ามิฟังจะเอาไฟใส่หม้อรม | ช่วยขู่ข่มเสียให้ขาดประมาทครวญ | |||
ใจสิมุ่งเหมือนพระลอดิลกโลก | จึงแสนโศกมิได้วายกระหายหวน | |||
ส่วนพระลอมิได้ปองสองนางชวน | ให้รัญจวนไปด้วยวิทยายันต์ | |||
จึงได้สมสองงามเปนสามเขย | ชิดเชยสองข้างประคองขวัญ | |||
จนทหารเข้าประหารผลาญชีวัน | เออกระนั้นเล่าเถิดก็ควรตาย | |||
ไฉนใจจังจะไม่เห็นด้วย | ใจจะม้วยเสียแล้วหรือเพราะมุ่งหมาย | |||
เอ็นดูใจเถิดอย่าให้ใจลอาย | เอ็นดูกายเถิดที่เอื้อมจนสุดมือ | |||
แต่ห้ามห้ามก็ไม่ห่างถวิลเหือด | จนผิวเผือดผอมแล้วไม่เห็นหรือ | |||
จะตายไยที่มิให้คำคนลือ | จะรื้อรักเถิดอย่ารักให้เหนื่อยนาน | |||
หาดีไม่ไหนเล่าเขาว่ารัก | พิสมัยหนักก็มักได้หมางสมาน | |||
ย่อมทนทุกข์อยู่ทุกทิวาวาร | แสนรำคาญเคืองคิดไม่ขาดตรอม | |||
ชอบบำราสรสร่วมอารมณ์สอง | ก็หนักกรประคองครุ่นครวญถนอม | |||
ดั่งโกยทุกข์มาประทุกอกออม | แต่ผอมเผือดเหือดแห้งจนหายงาม | |||
จะยืนเดิรดำเนิรนั่งนอนที่ไหน | ก็ตั้งใจแต่จะดิ้นถวิลหวาม | |||
จนสิ้นเพียรภาวนาพยายาม | จนลืมความเรือนราชการตน | |||
ยามกินลืมกินอาหารรส | ลืมกำหนดนับคืนวันฉงน | |||
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับเกลือกสกนธ์ | ไม่หลับจนจวบทุ่มสักคืนวัน | |||
นี่และใจจะไม่ฟังใจเจียวหรือ | จะรื้อรักอยู่ไม่รักชีวาสัญ | |||
จงรักกายเถิดอย่าหมายวงศเทวัญ | ที่เฉิดฉันมิได้แปลกประยูรวงศ์ | |||
จึงห้ามใจว่าใจอย่าประเจิด | อย่าพลั้งเพลิดเลียมลองประโลมหลง | |||
รักษาสัตย์ตัดใจให้ตริตรง | อย่าพลอยหลงไปด้วยพลั้งกำลังพาล | |||
ท่านว่าถ้าและใครใจประมาท | ย่อมเปนคลองมัจจุราชประหารผลาญ | |||
สงวนสัตย์ตัดห่วงบ่วงมาร | จะพลันพ้นสงสารที่วงเวียน | |||
ถึงโลกีย์ยังมิตัดราคีขาด | แม้นประมาทก็ประมาณแต่พาเหียร | |||
เรียนรู้เถิดอย่าเรียนรำพึงเพียร | ใจจงเจียนในรักให้หักรอน | |||
ชอบจะเฉยอย่าเฉลยเหมือนเช่นหลัง | นี่แน่ใจเอ๋ยจงฟังใจสั่งสอน | |||
จะแจ่มจิตต์อยู่เปนนิตย์นิรันดร | ธุระร้อนก็จะแรมโรยเอย | ฯ ๔๖ คำ ฯ | ||
๏ อนิจจาคอยท่าคนึงถึง | ||||
จะถามเจ้าเขาลือกันอื้ออึง | ว่ามีแอหนังหนึ่งดำเนิรมา | |||
งามลม่อมพร้อมพริ้งสรรพางค์พักตร์ | วิลัยลักษณ์ตละอย่างนางดาหา | |||
ทรงเศวตตามเพศปะตาปา | เมื่อทิวาวัดพลับถวายไฟ | |||
ว่าชนชายหลายแลในแอหนัง | ให้กำลังพิศวาสไม่หวาดไหว | |||
บ้างกรุยรักปักฉลากแล้วบากไม้ | บ้างสืบส่อบ้างให้แสวงบล | |||
เห็นจะเปนศึกใหญ่ขึ้นในอก | จะปิดปกเงื่อนงำคำฉงน | |||
ไม่เชื่อภารการชายนี้หลายกล | จึงนิพนธ์เพลงถามด้วยความแคลง | |||
ใช่จะกล่าวแย้มเยื้อนเหมือนเตือนสติ | ด้วยดำริห์ตริฟังเมื่อยังแฝง | |||
ว่าปันหยีนั้นสิเปนคนแคลง | จะลักบุษบาแปลงยังอำปลัง | |||
เรื่องระเด่นจะเปนแอหนังนี้ | หรือเปนชีสาวใช้ในกาหลัง | |||
กรรมวิบัติดอกจึงพลัดออกจากวัง | สีปัตหราชังกระมังเธอ | |||
เร่งจำสืบแสวงดูให้รู้แท้ | ว่าใครแน่เปนหลังอาหลัดเหลอ | |||
ชี้ตรอกบอกนามอย่าอำเออ | จะว่าเพ้อชี้ตรอกแล้วออกนาม | |||
ฝ่ายเจ้าก็เปนตำรวจราช | เฉลิมบาทชิดใช้ในสนาม | |||
จะดำริห์สิ่งใดก็ไม่งาม | ให้สมความฟูมฟักจำเริญเอย | ฯ ๑๖ คำ ฯ | ||
๏ เสียดายรักหลงรักกะไรหนอ | ||||
มาหวังรักคิดว่ารักจักลงตอ | ไม่เห็นข้อที่ว่ารักจักกลับชัง | |||
น่าจะมีที่รักที่ร่วมคิด | จึงเมินมิตรหน่ายรักที่ใจหวัง | |||
จึงซ่อนรักหักทำเปนอำปลัง | น้อยหรือบังรักเล่นจนเห็นใจ | |||
เจ้ายังรักสมรักประจักษ์จิตต์ | มาพาผิดรักร้างเราทางไหน | |||
เจ้ารักร้อยสร้อยสนเปนยนต์ใน | รักจะไปแล้วมารานกลับพาลเรา | |||
มีที่รักแล้วจะชักเปนเชิงเฉย | อย่าพักบังรักเลยพอรู้เท่า | |||
จะชี้ชื่อชายรักเหมือนลักเตา | เหมือนรักอยากหยิบเงาให้ป่วยการ | |||
ถึงจะไม่มีใจทยารัก | อย่าหาญหักรักร้างให้หมางสมาน | |||
ก็เต็มหน้าเรื่องรักได้อัประมาน | แสนรำคาญคิดถึงรักก็หนักใจ | |||
อันแรกรักก็ประจักษ์กับใจน้อง | ไม่ตริตรองรักบ้างนี่ช่างไฉน | |||
จึงปลิดรักหากปละละไป | สิ้นอาลัยสิ้นรักก็อย่าเลย | |||
ได้หลงรักก็จะรับแต่อัประยศ | เพราะจับจดจึงรักมักเชือนเฉย | |||
แต่แรกรักมิได้หมายระคายเลย | นิจจาเอ๋ยคิดว่ารักจึงหลงลม | |||
เมื่อเมินรักแล้วมิหนำยังซ้ำภ้อ | เออหนออ่อรักนี่มักขม | |||
เพราะรักหวานต้องพานแสลงลม | มักชมแลจึงรักมักจืดจาง | |||
โอ้ปลูกรักหวังรักบำรุงสงวน | เออก็ควรหรือรักมาโรยหมาง | |||
เพราะรักชู้มิได้รู้ว่ามียาง | จึงรักนางรักสมิทสนอมกาย | |||
ประหลาทหนอรักนักย่อมวิบัติ | ถึงรักกัดก็อุส่าห์รักษาหาย | |||
เปนไรรักนี้ไฉนจึงไม่คลาย | จะจำตายเสียด้วยรักที่แรมครวญ | |||
เสียดายรักโอ้ว่านิจจาเอ๋ย | ไม่เห็นเลยว่ารักจะหักหวน | |||
เสียแรงรักมาดมุ่งผดุงนวล | ไม่ควรรักที่จะมาเปนราคี | |||
มาเด็ดรักหักใจไม่ไว้หน้า | อนิจจายอดรักมาผลักพี่ | |||
เสียแรงรักแก้วตาไม่ปราณี | ตั้งแต่นี้รักนางจะร้างเรา | |||
จะตัดรักเสียให้ขาดในชาตินี้ | เท่าธุลีมิได้รักสมัคเจ้า | |||
ให้สาสมอารมณ์รักที่เหลือเบา | แต่เปล่าเปล่ารักร้างระคางใจ | |||
ถึงจิตต์เจ้าจะมิรักก็หักเห็น | อย่าทำเปนชิงรักให้พิสมัย | |||
ไม่รักแล้วชมสารให้เต็มใจ | ที่แกงไดเด็ดรักไมตรีกัน | |||
วาสนารักนวลไม่ควรคู่ | จะร่วมรู้ร่วมรักภิรมย์ขวัญ | |||
จะรักน้องมิได้ต้องน้ำใจกัน | ก็จะบั่นบากรักที่เจตนา | |||
ไม่รักง้อขอรักให้เหนื่อยจิตต์ | จะสู้ปลิดรักขาดไปชาติหน้า | |||
จะขาดรักดั่งขากซึ่งเขฬา | เรารักหน้ากลับกลืนก็เกลียดอาย | |||
รักก่อจะมิต่อก็จำสาร | จึงจำราญรอนรักให้หักหาย | |||
อันเรื่องรักขาดกันจนวันตาย | ไม่มาดหมายหรือรักเจ้าเลยเอย | ฯ ๓๔ คำ ฯ | ||
๏ ชาวศรีสมบูรณ์พูลสวัสดิ์ | ||||
พี่หมายน้องเหมือนหนึ่งปองมณีรัตน์ | อันอุบัติอยู่ในยอดยุคุนธร | |||
แสงสว่างกระจ่างจับเนตร | แต่สังเกตมาก็สุดนุสนธิ์สมร | |||
แม้นเหมือนวิทยาธรากร | จะจรฟ้ามาสู่มณีนวล | |||
มือจะพันสำลีประคองรับ | ประจงจับลูบแก้วกำสงวน | |||
มิให้หมองลอองลออนวล | จะมิดม้วนมอบไว้เมียงชม | |||
นี่สุดเหาะที่จะเหิรโพยมมาศ | แสนสวาทไม่วายคิดแต่ปฐม | |||
ดำริห์รักหนักทรวงแสนระทม | เหมือนเรือล่มลงว่ายทเลวน | |||
จะมุ่งฝั่งก็ยังลับเหลือเนตร | จะสังเกตแก่งเกาะก็ขัดสน | |||
จะพึ่งขอนไม้น้อยก็ลอยชล | แต่ว่ายวนปิ้มจะขาดใจจม | |||
พี่มุ่งหมายเหมือนสายวารีรัก | อกจะหักด้วยไม่เสร็จประสงค์สม | |||
แปดปีมิได้วายอารมณ์กรม | ยิ่งคิดชมยิ่งคิดไม่ขาดวัน | |||
ชะรอยบุญเบื้องบุพพาสนอง | เหมือนพี่ปองจะไม่ป่วยประกันขวัญ | |||
จึงมีเทพธิดาสาครคัน | เหาะหันเหิรเมฆสุเมรุมา | |||
เห็นเรียมว่ายอยู่ในสายชลาเลื่อน | จึงแย้มเยื้อนเสาวนีเสนหา | |||
ว่าว่ายวนอยู่เห็นทนเวทนา | จะปรารถนาฝั่งชลหรือกลใด | |||
เรียมก็รับเสาวนีด้วยโสมนัส | ประนมหัตถ์นบนิ้วสนองไข | |||
ค่อยคลายร้อนผ่อนทุกข์บรรเทาใจ | จึงวอนไหว้อวยถ้อยด้วยคำงาม | |||
ก็บัญชาว่าจะช่วยโดยประสงค์ | จะพาส่งให้พ้นชลท่าข้าม | |||
เดชะกุศลผลช่วยพยายาม | สดับความปานได้ดารากร | |||
อันตกจากฟากฟ้าลงมาสถิต | ทรงประสิทธิมอบมือให้ถือสมร | |||
อันความเทวษเวทนาในสาคร | ค่อยคลายร้อนผ่อนทุกข์บันเทาทน | |||
ตั้งปัญจางคประดิษฐ์จิตต์เคารพ | มีแต่พบมือเสี่ยงกุศลผล | |||
ที่สุจริตมิได้คิดประทุษฐพล | ขอให้ดลบันดาลฤดีดุ | |||
จงตอบรักเถิดอย่าชักให้รักเนิ่น | อย่ามึนเมินหมางเคียงระคางอยู่ | |||
ได้ยินชอบอย่าตอบเชิญชู | เหมือนช่วยกู้แก้เจ็บระกำใจ | |||
ช่วยชมชูกู้ชีพภิรมย์รัก | เหมือนช่วยชักชวนทางพิสมัย | |||
แม้นได้แอบแนบนวลสนิทใน | จะปลื้มใจทั้งเปรมปรีดา | |||
จะถนอมสนิทถนัดแนบ | จะออมแอบอ่อนน้อมเสนหา | |||
ทัศนาเจ้าเช่นแก้วแล้วไคลคลา | มาตามแถวถนนหน้าระเนียดราย | |||
นวลโฉมแข่งแขวิมลพักตร์ | พี่ลอบลักรับขวัญแล้วขวัญหาย | |||
อันใดแม้ได้ดำเนิรกาย | กลิ่นขจายคนธรสมาลินโรย | |||
ทาสุคนธ์ปนเนื้อเจือกระแจะ | นั้นแหละจะกลายกระหายโหย | |||
เพราะเห็นพักตร์เหมือนจะชักให้ดิ้นโดย | เมื่อลมโบยโบกขวัญมาชมเชย | |||
จึงสอดสารประสงค์สาราสนอง | จำลองลักษณ์ไมตรีที่พี่เฉลย | |||
นแน่เจ้าจงแปรภิปรายเปรย | เชิญเฉลยศุภสร้อยสารานำ | |||
ถึงไม่มากก็สักสามบรรทัดครึ่ง | ไม่เหมือนตึงตัดความอุปภัมถ์ | |||
แม้นมิสนองสารน้อมเสน่ห์นำ | จะเศร้าช้ำทุกข์ทอดถวิลครวล | |||
กว่าจะสิ้นสมุดสุดดินสอ | เมื่อไรต่อวายมะพร้าวห้าวสวน | |||
จึงจะขาดที่พี่มาดหมายประมวล | หวนถวิลอยู่เปนนิตย์นิรันดร์เอย | ฯ ๔๐ คำ ฯ | ||
๏ โฉมหอมหอมเหินเวหาหวน | ||||
แต่โหยหามิได้เว้นทิวาครวญ | ควรสงวนเนตรทัศนานาง | |||
งามเสงี่ยมเอี่ยมอิ่มชอ้อนพักตร์ | เจริญรักมิได้เอื้อนอางขนาง | |||
งามศักดิ์งามสรรพสรรพางค์ | ดำเนิรนางอย่างเหมราชบิน | |||
เมื่อยินยลกลวิษณุกรรมวาด | มรรยาทพริ้งเพริดเฉิดฉิน | |||
เมื่อนั่งเจียนเมียนแม้นอับสรอินทร์ | ฟ้าดินสิ้นเสียงสำเนียงนวล | |||
เมื่อเจ้าพรายพักตร์พริ้มยิ้มเยื้อน | เหมือนจะเตือนให้พี่ง่วงงงสงวน | |||
งามสรรพสุนทราวิญญายวน | งามกระบวนเนตรน้าวเสน่ห์นำ | |||
งามใจใจเจียนเขียนแผ่นเพ็ชร์ | เผด็จพาลมารร้ายรคายขำ | |||
งามเงื่อนชั่งเยื้อนเสงี่ยมงำ | งามคำงามคิดคดีงาม | |||
ให้ควรด้วยจอมจักรพรรดิราช | ร่วมอาสน์แนบเนื้อเสน่ห์สนาม | |||
ไม่ควรไกลไร้รสนิราทราม | ไม่ควรความจะเออองค์อาทวา | |||
ให้ควรด้วยสิริโสภาคพักตร์ | บริรักษ์ศิวราชโกษฐา | |||
จึงเสื่อมศักดิ์วรพักตรพนิดา | ดั่งหงส์ทองตกท่าสาธารณ์ชล | |||
หากสุวรรณสัณฐานธรรมชาติแท้ | จะแปรเป็นราคีอย่าควรฉงน | |||
มาดแม้นถมแผ่นพื้นภูวดล | ยังวิมลรัศมีให้หมองมัว | |||
ดั่งหนึ่งนุชให้พี่สุดแสนถวิล | มิได้มีมลทินโทษกลั้ว | |||
สงวนศักดิ์รักตัวเห็นเหลือตัว | ดั่งดอกบัวในโบกขรณีเนา | |||
ดอกเดียวเด่นดวงพิโดนชม | ลมโบกโชยกลิ่นขจรเสา | |||
วคนธาทิพรสเกลี้ยงเกลา | เฉลากลีบกลัดรบัดใบ | |||
อันบุษบงในวงโบกขรพัส | ย่อมรบัดบานต้องอุทัยไข | |||
กิมิชาติอาจบ่อนเบียนใน | ปางภมรซอนไซ้สุมามาลย์ | |||
จนโรยร่วงรวงดอกออกฝักแฝง | ปางแมลงภู่เบียนเปนอาหาร | |||
ที่ดอกแกมแนมในนทีธาร | ก็บันดาลเสียดสีคลี่กลีบคลาย | |||
อันภุมเรศนอกเขตสระสนาน | ย่อมประมาณเมินมุ่งแล้วม่ายหมาย | |||
ด้วยโกเมศภุมเรศสิร่อนราย | มิได้คลายคลาดสร้อยสาโรชรวย | |||
อันปทุมโกสุมที่สังเกต | เห็นห่างเหตุเสื่อมสิ้นสีสลวย | |||
เฉลิมนาสาชมด้วยลมชวย | รทวยก้านพานพ้นวารีริน | |||
อกเรียมเทียมภุมรินรัก | ที่สำนักนอกสระกระแสสินธุ์ | |||
แต่ร่อนร้องวนเวียนเฉวียนบิน | ถวิลซาบอาบสร้อยสุมาเมียง | |||
คิดจะโจมโถมถาลงท่าจับ | แล้วขยับท้อถอยฤทัยเถียง | |||
ร่อนร้องมองหมายรายเมียงเคียง | แล้วเลียบเลี่ยงเข้ากล้ำกลิ่นกลืน | |||
ไม่วายวันทิวาเว้นเทวษ | เพราะสังเกตนั้นสุดเสน่ห์ฝืน | |||
แต่โหยหาทุกทิวาวันคืน | ไม่ได้ชื่นหน้านึกตริตรึกตรอง | |||
เหมือนมยุราหมายเมฆาทิพากาศ | มิได้ร่วมอารมณ์มาดสนอง | |||
เหมือนมัจฉาหมายเสียงฟ้าร้อง | ดั่งหงส์ทองหมายมุจลินท์อินทร์ | |||
เหมือนพี่มุ่งมิได้สมอารมณ์มาด | แสนสวาทมิได้เว้นวายถวิล | |||
ดำริห์รักดั่งพลิกพลักแผ่นดิน | ฤดีดิ้นจินตนาคะนึงตรอง | |||
ว่ารักแล้วจะรู้อารมณ์ด้วย | ที่ปองปีมาจนป่วยใจผอม | |||
ขอเชิญนุชสุดเสน่ห์ช่วยประนอม | เสน่ห์น้อมพร้อมจินตนาการ | |||
จงช่วยเพิ่มเสริมสันนิวาสา | อย่าเมินหน้าม้วนเมินหมางสมาน | |||
เอ็นดูคนที่ทุพลคะนึงนาน | เถิดอย่ารานเรื่องรักให้โรยรวน | |||
อันบุบผาในพนมพนาเวศ | ย่อมมีเหตุกลย่อมแล้วหอมหวน | |||
ที่ไม่มีเจ้าของประคองนวล | ก็มักปรวนแปรเพศอันตรธาน | |||
ถ้าผู้พานพอพบสบสำนัก | จะสอยชักหักกิ่งด้วยใจหาญ | |||
ถ้าใกล้ภัยแมลงภู่แลหมู่พาล | ก็บันดาลร่วงโรยลงรายดิน | |||
จะเสียเพศเสียพรรณบุบผชาติ | ที่อุบัติมาให้มาดหมายถวิล | |||
จะแห้งเปล่าเสียเปนเถ้าถมธรณินทร์ | ทั้งมลทินจะปลอมแปลกรคนปน | |||
จะเสียทีเปนที่ภิรมย์รัก | เสียดายศักดิ์จะเอาศักดิ์ปฏิสนธิ์ | |||
จะเปนที่ติฉินราคินคน | ย่อมแจ้งราชนิพนธ์ภิปรายรบาย | |||
ว่านางทรงศุภลักษณ์เปนศักดิศรี | ไม่เท่าที่ชายชั่วเฉาฉงาย | |||
ประหนึ่งพลอยเพ็ชรรัตนพรรณราย | ไม่มีเรือนย่อมสลายเลื่อนรทม | |||
ถึงถนอมออมไว้ก็ในเปล่า | ไม่งามเท่าที่รบายลายยาถม | |||
ถึงมีรุ้งรัศมีโดยนิยม | ช่วงจะชมแต่เพ็ชรไม่มีเรือน | |||
ธรรมดาว่าเพ็ชรสุหร่งราย | ให้เพริดพรายในวงศพงศเพื่อน | |||
นี่รักเปล่าอยู่แต่เวียนเปลี่ยนเรือน | มิทันรู้ก็เห็นเหมือนว่ามีวง | |||
ถ้าช่างชาญชำนาญรังเรือนเห็น | จะชี้เช่นรอยเรือนให้เหมือนประสงค์ | |||
ดั่งโฉมเฉิดเลิศลักษณ์อุดมวงศ์ | อันเพ็ชรสุหร่งนี้อย่ารักเรือนรอย | |||
ไม่ปราณีพี่ควรคำนวณคิด | ด้วยสุจริตเรียมแท้ถ่องถอย | |||
อันเอองค์นี้เหมือนหลงด้วยลมลอย | ปราณีหน่อยเถิดที่รักบำรุงชม | |||
ถึงมิการุญเหมือนคำที่ร่ำรัก | เพราะต่ำศักดิมิควรร่วมอารมณ์สม | |||
อย่าอยู่ช้าข้าพลอยเปลี่ยนทรวงรทม | ทั้งความกรมยิ่งจะเกรียมทรวงโทรม | |||
อันสุดาถ้าและเว้นจากสามี | นั้นชนกชนนีถนอมโฉม | |||
ยังไม่ปลอดผู้ลอดประลองโลม | ก็มักโครมครุ่นอัประยศยวน | |||
อันสัตรีมีที่เสน่หา | ประเพณีภัสดาเดียวสงวน | |||
รวังงามความร้ายแปรปรวน | ทั้งกันสรวลมลทินแลนินทา | |||
ทั้งกันหมู่ประมาทหมิ่นราคินข้อง | มาดหมองก็ได้ตรึกปรึกษา | |||
ถ้าคราวโศกโรคร้อนพาธา | ครั้นเห็นหน้าก็ค่อยอันตรธาน | |||
อันจะลอยลมว่านั้นหาไม่ | มิใช่เช่นลิ้นไล้น้ำตาลหวาน | |||
แรกรักหวังรักไม่พลันราน | อันทรวงชื่นนี้และนานจะเห็นทรวง | |||
ไม่รักแล้วก็เร่งสืบสารสนอง | ให้ขัดข้องใจพี่ที่แหนหวง | |||
ถ้านิ่งนานไม่สืบสารโดยกระทรวง | จะว่าดวงสมรพี่ปราณีเรียม | |||
จงปราณีเสน่ห์หน่อยเถิดจอมสมร | อันงามงอนนี้ไม่งามเท่างามเสงี่ยม | |||
จะเจียมใจอยู่ก็สุดใจเจียม | วานอย่าเลียมลบสารสมานกัน | |||
วานอย่าเยื้องกระเบื้องร้อนรานร้าว | วานอย่ากล่าวคำเคียดเดียดฉัน | |||
วานอย่าถือคำพาลมาพาลกัน | อย่าขึงมั่นอยู่ไม่ผ่อนใจเอย | ฯ ๗๖ คำ ฯ | ||
๏ ปางพี่มาดหมายสมานสุมาลย์สมร | ||||
ดั่งหมายดวงหมายเดือนดารากร | อันลอยพื้นอัมพรโพยมพราย | |||
แม้นพี่เหิรเดิรได้ในเวหาศ | ถึงจะมาดก็ไม่เสียซึ่งแรงหมาย | |||
มิได้ชมก็พอได้ดำเนิรชาย | เมียงหมายรัศมีพิมานมอง | |||
นี่สุดหมายที่จะมาดสุมาลย์สมาน | สุดหาญที่จะเหิรเวหาศห้อง | |||
สุดคิดที่จะเข้าเคียงประคอง | สุดสนองใจสนิทเสน่ห์กัน | |||
โอ้แต่นี้นับทวีแต่เทวษ | จะต้องนองชลเนตรกันแสงศัลย์ | |||
จะแลลับเหมือนหนึ่งดับเดือนตะวัน | เมื่อเลี้ยวเหลี่ยมสัตภัณฑ์ยุคันธร | |||
ยิ่งคะนึงก็ยิ่งนานจะเห็นพักตร์ | ฉวยฉุดรักแล้วก็ทอดฤทัยถอน | |||
ไม่เห็นกรรมว่าจะนำให้ไกลกร | ไม่เห็นรักว่าจะรอนให้แรมโรย | |||
อกเอ๋ยเมื่อได้เคยประโลมเล่น | ครั้นห่างเห็นแล้วก็ตั้งแต่เตือนโหย | |||
ยามดำเนิรเดิรดิ้นอาดูรโดย | ก่นแต่โกยกอบทุกข์มาทับกาย | |||
จะผ่อนผันฉันใดก็ใช่ที่ | อันนับปีแต่จะเริศร้างหาย | |||
จะอาดูรแต่ผู้เดียวอยู่เปลี่ยวกาย | มิได้วายความถวิลที่จินตนา | |||
แสนเทวษสุดทวีครั้งนี้เอ๋ย | ไม่เห็นเลยว่าจะน้อยวาสนา | |||
แต่ปางไกลแสนอาลัยทุกเวลา | ครั้นคิดมาไม่เห็นหน้าแล้วอาวรณ์ | |||
แสนรักจะร่วมเรือนเหมือนบุหรง | ที่พิศวงภาณุมาศประภัสสร | |||
เมื่อเลี้ยวลับศีขรินลงรอนรอน | สุดอาวรณ์ที่นกยุงจะมุ่งปอง | |||
แสนวิตกเหมือนกระต่ายที่ใฝ่ฝัน | แสงพระจันทร์งามจรเวหาศห้อง | |||
พระจันทรอยู่สำราญวิมานทอง | หรือจะปองใจหมายกระต่ายดง | |||
สงสารอกกระต่ายป่าปักษาชาติ์ | จะวายชีวาตม์ดับชีวิตด้วยพิศวง | |||
แสนคนึงถึงเสน่ห์ที่จำนง | ก็เหมือนอกกระต่ายดงที่หลงเดือน | |||
โอ้สุดคิดสุดฤทธิ์เห็นสุดรัก | เพราะต่ำพักตรไม่มีศักดิ์เสมอเหมือน | |||
ใครจะช่วยบำรุงรักช่วยตักเตือน | โอ้นับเดือนก็จะลับไปนับวัน | |||
ถึงจำจากเพราะวิบากให้วิบัติ | ขอกอดสัตย์ไปจนสิ้นชีวาสัญ | |||
ได้ตั้งใจมิตรจิตต์คิดผูกพัน | ขอหมายมั่นกว่าจะม้วยชนมาน | |||
ถ้าดับชีวิตไปสวรรค์ขั้นใดไฉน | ขอตามไปร่วมทิพย์พิมานสมาน | |||
ทุกขมหันต์อรรณพอเนกนาน | จนสู่สถานที่สถิตนิพพานเมือง | |||
โอ้ชาตินี้เห็นน้อยแล้วความสุข | จะแสนทุกข์สุดโทมนัสเนื่อง | |||
สุดปลุกใจปล้ำให้โศกเปลือง | ยิ่งครุ่นคิดแล้วก็เครื่องทวีครวญ | |||
เมื่อเวลามาบำราสให้ขาดรัก | สงวนศักดิไว้ให้งามเถิดทรามสงวน | |||
คิดเสงี่ยมเจียมพักตรแต่พอควร | ใครสงวนไม่เท่านวลสงวนกาย | |||
เห็นสุดถวิลสุดสิ้นบุพเพนิวาส | ที่มุ่งมาดมิได้สมอารมณ์หมาย | |||
เจ็บจิตต์คิดจะวางชีวาวาย | ก็เสียดายด้วยอาลัยมิได้ลา | |||
เชิญสำราญเถิดแม่อย่าหมองพักตร์ | จงคงศักดิ์คงสถิตในยศถา | |||
ต่อเมื่อไรวันกำหนดมรณา | ขอเห็นหน้าเสียสักหน่อยพอชื่นใจ | |||
อย่าเสียแรงที่มุ่งบำรุงรัก | มาดสมัคหมายสมานพิสมัย | |||
ได้เห็นหน้าแล้วจะลาชีวาลัย | จะอวยโอษฐ์ให้อโหสิกรรมกัน | |||
ถึงอยู่ใกล้ก็เหมือนไกลเพราะใช่คู่ | จึงมิได้ชูชมโฉมประโลมขวัญ | |||
เห็นสิ้นบุญแล้วในเบื้องปัจจุบัน | ขอหมายมั่นบุญเบื้องบุรพา | |||
แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง | ขอร่วมห้องอย่าให้ห่างเสนหา | |||
เสี่ยงผลที่ได้เพิ่มบำเพ็ญมา | ขอร่วมชีวาร่วมวางชีวาวาย | |||
เกิดไหนขอให้ได้ถนอมพักตร์ | ความรักอย่าได้ร้างอารมณ์สลาย | |||
รักนุชอย่าได้สุดเสน่ห์คลาย | ขอสมหมายที่ข้ามาดสมุทาน | |||
อันสาราบำราสบำรุงคิด | จารึกไว้โดยสุจริตสาร | |||
พยายามตามสัตย์ปัญญาญาณ | พอแจ้งการณ์ที่มีกรรมในกายเอย | ฯ ๔๖ คำ ฯ |
ประชุมเพลงยาว ภาคที่ ๗ เพลงยาวความเก่า แจกในการกฐินพระราชทานมหาอำมาตย์ตรี หม่อมเจ้าอุดมดิเรกลาภ ผู้ช่วยอธิบดีกรมสรรพากร ณ วัดมหาพฤฒาราม พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น