ผู้ติดตาม

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เพลงยาวเจ้าพระ

เพลงยาวชุดนี้มิใช่เพลงยาวสังวาส ปรากฏในท้องสำนวนว่าเป็นของเจ้านายที่ทรงผนวชทรงแต่ง 3 พระองค์ เพราะฉะนั้นจึงสมมุติเรียกว่า “เพลงยาวเจ้าพระ” ในเพลงยาวมีเนื้อความพอจะสันนิษฐานรู้เรื่องราวได้หลายอย่าง

บทที่ 1 ของเจ้าพระพระองค์ที่ 1

ได้ยลยุบลลักษณ์ในอักษร
ซึ่งพระหลานบรรหารพจน์เป็นบทกลอนก็อวยพรศรีสวัสดิ์ให้วัฒนา
จงเชี่ยวชาญการกระวีวิธีปราชญ์เฉลียวฉลาดตรองตรึกที่ศึกษา
ให้จะแจ้งทุกแห่งเห็นเจนจินดาอย่าโรยราอุสาหะสละเพียร
ซึ่งไม้ม้วนมีถ้วนยี่สิบสรรพกว่านั้นนับมลายล้วนไม่ควรเขียน
อักษรสามตามตำหรับฉบับนักเรียนให้ชำเนียนชำนิชัดสันทัดแท้
ทั้งโทเอกเลขเจ็ดกับกากะบาททัณฑฆาตไต่คู้รู้จงแน่
สำเนียงสูงต่ำนั้นอย่าผันแปรถ้าฉวยแชแล้วสิเชือนชักเปื้อนปน
อันสามสอพ่อจงท่องให้คล่องไว้ชอบที่ใช้ตามบังคับไม่สับสน
สังเกตผิดลิขิตเพี้ยนเขียนนิพนธ์นักปราชญ์ยลเย้ยสรวลจะชวนอาย
แม้นจักทำโคลงสุภาพอย่าหยาบคิดพึงพินิจจงชอบระบอบหมาย
ข้างเอกไซร์ใช้ได้อักษรตายแต่ข้างฝ่ายโทนี้ไม่มีแทน
จงหาโทแต่ที่สิ้นมลทินโทษจะอ้างโอษฐ์เขาคงชมคารมแม่น
ถ้าโทเพี้ยนมักติเตียนว่าปราชญ์แกนจะซ้ำแสนอัประมาณป่วยการทำ
จงดำริตริตรองให้ต้องแบบยังอย่างแยบจะบอกพ่อที่ข้อขำ
ทุกสิ่งสรรพ์พรรณนาอุส่าห์จำอย่าพลาดพล้ำสติเผลอเลินเล่อ เอย
            
๏ พึง พ่อหน่อนเรศผู้ภาคิไนย นาถเอย
เรียน ลักษณ์อักษรไทยถ่องถ้อย
เพียร เพิ่มเริ่มพจน์ไขคำปราชญ์ เสนอนา
รู้ รอบกอปรกลร้อยเรื่องอ้างทางเกษม ฯ
            

บทที่ 2 ของนายนาก ถวายเจ้าพระพระองค์ที่ 3

ขอนอบนบเคารพบาทพระจอมเศียร
ซึ่งผนวชในพรหมพรตกำหนดเพียรจงทรงเรียนทางปราชญ์ชาติกระวี
กระหม่อมเล่าเผ่าพงศ์หินชาติจะหมายหมาดคู่พรหมไม่สมศรี
ด้วยเป็นไพร่จะให้ตอบพระวาทีบารมีเป็นที่ยิ่งยังกริ่งครัน
แม้นพระทัยใคร่ทรงดำรงเรื่องที่ข้องเคืองโปรดให้อภัยฉัน
ด้วยกลอนตอบชอบผิดต้องติดพันซึ่งโทษทัณฑ์อนุญาตให้ขาดเอยฯ
            

บทที่ 3 ของเจ้าพระพระองค์ที่ 3 ตอบนายนาก

สดับรสพจนาเลขาสนอง
แสนดีใจด้วยได้สมอารมณ์ปองแต่นอนตรองตรึกหามาช้านาน
พอได้ฟังฝีปากนายนากกล่าวเป็นเรื่องราวรจนามาในสาร
จึงค่อยเรืองปัญญาปรีชาชาญเดี๋ยวนี้พานจะยังอ่อนกลอนไม่ดี
ถ้าเห็นผิดอยู่ตรงไหนอย่าได้นิ่งบอกตามจริงเถิดไม่รักถือศักดิ์ศรี
อย่าเกรงกลัวโทษอันใดมิให้มีจงบอกที่ผิดพลั้งมามั่ง เอย ฯ
            

บทที่ 4 ของนายนาก

ยลลิขิตอิศรสารประทานแถลง
แสนเสนาะเพราะล้ำในคำแสดงประจักษ์แจ้งเห็นจริงทุกสิ่งอัน
ซึ่งประทานโปรดอภัยไว้ธุระพระคุณจะใส่เกล้ากระหม่อมฉัน
ทั้งผิดเพี้ยนให้ช่วยเปลี่ยนสารพันฝ่ายโทษทัณฑ์มิให้มีดีจริงจริง
กระหม่อมก็จะสนองละอองบาทที่พลั้งพลาดคงไม่คิดจะปิดนิ่ง
เป็นสัจจังดังสาราอย่าประวิงด้วยจะพิงพึ่งพระเดชเกศบุรี
ซึ่งโปรดว่าฟังปากนายนากกล่าวเป็นเรื่องราวคำกลอนอักษรศรี
จึงค่อยเปรื่องปรีชาชาญชำนาญดีที่ข้อนี้ฉันยังแคลงไม่แจ้งใจ
ด้วยมิได้รับประชันกันบ้างเลยพระแกล้งเย้ยเยาะเล่นฤๅเป็นไฉน
ยอมิหนำซ้ำถ่อมองค์ลงกระไรน่าสงสัยอกฉันหวั่นหวั่น เอย ฯ
            

บทที่ 5 ของเจ้าพระพระองค์ที่ 3

พินิจสารนากทำคำอักษร
แสนเสนาะเพราะสนิทชิดทุกกลอนท่านสุนทรแพ้ชัดไม่ทัดคำ
ซึ่งฝากกายหมายชิดไม่ปิดนิ่งขอบคุณยิ่งถ้ามิตายหมายอุปถัมภ์
มีธุระสิ่งไรอย่าได้อำจะคงทำสนองไปมิได้เมิน
ซึ่งว่าข้อจะยอหยันนั้นหาไม่ที่จริงในจิตตั้งสั่งรเสริญ
มิใช่ว่าจะเจรจาให้ล่วงเกินจะขอเชิญตอบสาราอย่าระแวง
เป็นเรื่องรสพจนามาอีกเถิดจะได้เกิดปัญญาค่อยกล้าแข็ง
ในใจเราเหมือนสารามาแสดงอย่าได้แคลงทุกสิ่งครบจนจบ เอย ฯ
            

บทที่ 6 ของนายนาก

สดับสารหวานแสนเสนาะหู
ช่างเพราะกลอนอักษรทำดังคำครูฉันขืนสู้คงจะแพ้แน่ในใจ
เป็นนักเลงคงอดเพลงอยู่ไม่รอดจำต้องทอดทางไมตรีตามวิสัย
ด้วยสารทรงจักรีมีเยื่อใยเมตตาในกระหม่อมฉันไม่หันเมิน
ก็สมจิตที่คิดสามิภักดิ์พระคุณหนักยิ่งฟ้าเวหาเหิน
ล้ำสมุทรสุดดินสิ้นทั้งเนินเกือบสูงเกินพรหมแมนแดนอมร
ขอพระเดชปกเกศเป็นที่พึ่งอันคำซึ่งจะอุปถัมภ์นี้ใครสอน
จึงพระองค์ทรงคิดลิขิตกลอนว่าสุนทรแพ้ฉันขันพอพอ
หนึ่งธุระประสงค์คงจะได้พระโปรดให้เห็นจริงจริงเจียวหนอ
คงผาสุกทุกวันคืนกลืนลูกยอฉันร้อนคอขอษมาเสียเถิด เอย ฯ
            

บทที่ 7 ของเจ้าพระพระองค์ที่ 3

สดับถ้อยสุนทรอักษรแถลง
จะยอเล่นฤๅอย่างไรยังให้แคลงที่กล่าวแกล้งว่าทำเหมือนคำครู
ไม่เวทนาบ้างเลยมาเย้ยเล่นเหมือนหนึ่งเป็นใบ้บ้าน่าอดสู
มิใช่เราจะว่าเล่นจงเอ็นดูมันไม่สู้ดีดอกบอกจริงจริง
ซึ่งยกคุณของฉันนั้นชอบจิตแต่ว่าคิดยังไม่เห็นเป็นที่ยิ่ง
ปดกันไปแต่พอให้ใจประวิงยังคิดกริ่งตรองไม่เห็นจงเจรจา
อันถ้อยคำนี้ใครมิได้สอนแต่บทกลอนอย่างนี้ดีนักหนา
จะเอาใครในกรุงศรีอยุธยาเห็นจะหายากราวกับดาวเดือน
ที่จะยอเย้ยหยันนั้นหาไม่จะหาใครใจที่จะดีเหมือน
เช่นนี้ได้มาไว้เป็นแม่เรือนให้ตักเตือนสารพัดจัดการงาน
เป็นความจริงทุกสิ่งอย่ากริ่งจิตดังลิขิตรจนามาในสรร
พอได้เล่นเป็นสนุกสุขสำราญแก้รำคาญเคืองข้องที่หมองใจ
ซึ่งกล่าวว่ากินลูกยอร้อนคอนักจะตวงตักน้ำผึ้งดีที่หวานใส
เอายอที่เม็ดไม่มีสักสี่ใบประเคนให้นากฉันทุกวัน เอย ฯ
            

บทที่ 8 ของนายนาก

พินิจสารบรรหารเหตุพระเกศสยาม
ช่างพริ้งเพราะเหมาะใจได้เนื้อความถูกต้องตามปุจฉาน่ายินดี
ซึ่งตริตรึกนึกแหนงระแวงหวาดขอเบื้องบาทปกเกล้าอย่าเศร้าศรี
ไม่ว่าเล่นเป็นสัจจังดังวาทีกลอนเช่นนี้ผิดสังเกตเหตุพึ่งเรียน
ดูไวว่องไม่ข้องขัดหัดนิพนธ์ไม่เวียนวนบาทบทที่จดเขียน
จึงได้ชมด้วยสมแบบทั้งแนบเนียนอุส่าห์เพียรเถิดพระองค์คงจะรู้
ซึ่งอยากได้ไว้ฉลองละอองบาทเดิมฉันมาดสิไม่พบประสบสู่
ครั้นได้ร่มโพธิ์เย็นท่านเอ็นดูถวายตัวอยู่นานลับนับหลายปี
สุดจะคิดบิดเบือนให้เหมือนประสงค์ขอจอมพงศ์โมเลศเกศกรุงศรี
โปรดอย่าเคืองข้องขัดตัดไมตรีจงปรานีนึกว่าเป็นข้าละออง
แม้นมีพระประสงค์ที่ตรงไหนกระหม่อมไซร้จะรับแทนพระคุณสนอง
กว่าจะม้วยชีวิตคิดประคองพระจงตรองดูให้งามตามบุราณ
ซึ่งสงสัยในคดีที่ว่ายิ่งเป็นความจริงตามโลกโวหาร
ว่าหญิงชายใดได้รับราชการต่อโปรดปรานจริง ๆ ดอกจึงหยอกเอิน
นี่บุญตัวฉันแท้แน่นักหนาพระได้มาตอบสารจึงสรรเสริญ
ทั้งมหาดเล็กเด็กชาไม่กล้าเกินกุศลเชิญชักมาน่ายินดี
เหตุดังนั้นฉันจึงกล่าวว่าคุณยิ่งสัจจังจริงจอมเมืองอย่าหมองศรี
จงแต่งตอบตามระบอบประเพณีได้เปรมปรีดิ์ผาสุกสนุกสนาน
ซึ่งพระองค์ทรงประทานน้ำผึ้งกับสิ่งซึ่งยอหมดเม็ดฉันเข็ดหวาน
ด้วยร้ายแรงแสลงยิ่งกว่าอ้ายตาลรับประทานไม่สบายถวายคืน
ด้วยของเสวยเคยฉันอยู่เป็นนิจอย่าปลดปลิดให้เขาเฝ้าข่มขืน
เชิญเสวยให้จุจุอายุยืนฉันนี้ขืนเข็ดขยาดไม่อาจ เอย ฯ
            

บทที่ 9 ของเจ้าพระพระองค์ที่ 3

ได้ฟังสารเพราะเหลือไม่เบื่อหู
ทั้งลายมือที่เขียนมาก็น่าดูอาลักษณ์ผู้ที่ว่าดีไม่มีทัน
ซึ่งกล่าวจริงทุกสิ่งยังกริ่งจิตในใจคิดอยู่ว่าแกล้งจะเย้ยหยัน
ฉวยลืมตัวสิเข้าไปหลายใบครันเที่ยววิ่งหันแล้วสิอายเขาตายจริง
เป็นสัจจังดังนั้นฤๅอย่าถือหนาสาบานมาให้สักใบอย่าได้นิ่ง
จะเอาเป็นหลักไหล่ได้อ้างอิงแล้วอย่ากริ่งเลยว่าล้อเล่นต่อไป
ขอโทษเถิดเกินไปไว้นิดหน่อยหม่อมจงถอยเสียเถิดหนาอย่าสงสัย
ซึ่งเปรียบว่าฉันนี้โตเหมือนโพธิ์ไทรก็ขอบใจเป็นที่ยิ่งไม่กริ่งเลย
อันวาสนาเรานี้พานมีน้อยต้องเศร้าสร้อยเหมือนเดือนตกนะอกเอ๋ย
แสนระกำช้ำใจไม่เสบยเอากรเกยนลาฏคิดประดิษฐ์กลอน
ค่อยสบายคลายในฤทัยหมองแต่ตรึกตรองศุภลักษณ์ในอักษร
พอหายง่วงงุนเหงาที่หาวนอนธุระร้อนจึงช้ามาหลายวัน
ที่ยอเม็ดหมดนี้มีจริงหนาอยู่บ้านป่าบางยี่เรือจงเชื่อฉัน
จะเอามาให้เห็นเป็นสำคัญไม่ปดกันเล่นดอกบอกตามจริง
เรากินเบื่อเหลือเน่าเสียเปล่าเหม็นมันแสนเข็ญเช่นกะยามหาหิงคุ์
นายนากกินเถิดแกแก้ลมวิงให้หนุ่มพริ้งขึ้นมาเที่ยวหาเมีย
ได้รับมือกับนางนากฝีปากกล้าภรรยาจะขบเขี้ยวเคี้ยวกินเสีย
จนหมดเนื้อแล้วยังเหลือแต่เลือดเลียกินเถิดเมียคงขยาดไม่อาจเกิน
แม้นอ่านสารเสร็จสิ้นระบิลเรื่องอย่าได้เคืองที่ข้อฉันสรรเสริญ
ถ้าธุระสิ่งไรอย่าได้เมินที่ตรงเกินนั้นอย่าเคืองเรื่องยอ เอย ฯ
            

บทที่ 10 ของนายนาก

คลี่สารอ่านกลอนอักษรแถลง
ฟังเสนาะเพราะล้ำในคำแสดงประจักษ์แจ้งความจริงทุกสิ่งอัน
ซึ่งประสงค์ตรงสัตย์จะจัดถวายแต่เกรงฝ่ายจอมเมืองจะเคืองฉัน
ด้วยความสัตย์สิ่งอื่นสักหมื่นพันเห็นไม่ทันเหมือนจิตอย่าปิดบัง
เออพระองค์จะสงสัยไปไยเล่าเชิญหน่วงเอาพระอารมณ์ให้สมหวัง
แม้นทูลมาสารพัดไม่สัจจังขอให้ชังเฉยฉันจนวันตาย
แม้นว่าจริงเหมือนสิ่งซึ่งมาพึ่งพักขอให้รักฉันให้มากอย่าหากหาย
ให้คิดสงสารซากที่ฝากกายอย่าเว้นวายห่วงฉันที่รัญจวน
จนสิ้นดินสินธูชมพูทวีปอย่ารู้รีบร้างโรยให้โหยหวน
แม้นสมคิดค่ำเช้าทุกคราวครวญจะสงวนสัตย์ไว้ใต้ธุลี
หนึ่งพระประภาษว่าวาสนาดังจันทราใกล้ดับลับแสงศรี
เพราะพระองค์ยังเยาว์เบาโพธีเมื่อบารมีแก่กล้าคงหล้าฦๅ
เปรียบดังพืชข้าวปลูกที่หว่านไว้ยังไม่ได้สี่เดือนจะออกหรือ
ถึงรดน้ำพูนดินจนสิ้นมือก็คงชื่อสี่เดือนเหมือนประมาณ
อย่าเสียพระทัยไตรตรึกนึกถวิลคงจะภิญโญใหญ่ในสถาน
จงอุส่าห์ศึกษาวิชาการให้ชำนาญในกระบวนควรตระกูล
หนึ่งยอไม่มีเม็ดเสด็จโปรดออกพระโอษฐ์ตรัสชมแก้ลมสูญ
ทั้งกายแก่แปรเป็นหนุ่มจำรูญบริบูรณ์ด้วยเนื้อหนังกำลังแรง
เป็นของดีวิเศษอยู่ในหล้าพระเมตตาบอกเล่าเฝ้าแถลง
ที่จริงจิตยังคิดข้างเคลือบแคลงจะต่อแย้งเรื่องเก่าเฝ้ารำพัน
ดูเหมือนคนสิ้นปัญญาจะหาเรื่องไม่ยักเยื้องย้ายว่าให้ขันขัน
ขอประทานผ้าขี้ผึ้งสักหนึ่งอันให้ห่อล่วมสลาฉันนั้นเถิดเอย ฯ
            

บทที่ 11 ของเจ้าพระพระองค์ที่ 1

แสนสงสารหลานรักเป็นนักหนา
เห็นจริตนั้นก็ผิดกับกิริยาทั้งพักตราเศร้าศรีฉวีวรรณ
น่าจะมีทุกข์นักแต่สักสิ่งจงแจ้งจริงอย่ารังเกียจเดียดฉัน
ควรจะสังสนทนาปรึกษากันไม่ควรพรั่นดอกพอไว้ฤทัยวาง
เมื่อก่อนงานเห็นสำราญสำเริงเล่นทุกเช้าเย็นราตรีไม่มีว่าง
ครั้นถึงวันมหรสพได้พบสุรางค์สาวสำอางอ่าองค์บรรจงกาย
ล้วนแรกรุ่นดรุณราวคราวชันษาฟื้นโสภาพักตร์เพี้ยนวิเชียรฉาย
ดูอาการเห็นพานไม่สู้สบายชะรอยหมายมุ่งมาดสวาสดิ์ครวญ
ถึงขึ้นมาเล่าก็ทำเหมือนจำชื่นไม่เริงรื่นหฤทัยว่าใจสรวล
ซังตายเล่นเห็นเล่ห์ดูเรรวนประหนึ่งป่วนเป็นจะสึกรำลึกวัง
ซึ่งสัญญาอิกวษาจักทรงพรตแล้วออมอดสืบไปไม่ได้มั่ง
เอ็นดูสองอนุชาเชษฐายังอยู่ภายหลังจะโหยไห้อาลัยคะนึง
ด้วยเคยเล่นเจรจาเป็นผาสุกต่าจะทุกข์โศกสร้อยละห้อยถึง
จงตรองตัดสลัดร้อนอาวรณ์รึงอย่าด่วนดึงเด็ดเดี่ยวไปเดียวองค์
อนึ่งวิชาเล่าเรียนที่เพียรพากก็ยังมากไม่เจนจบสบประสงค์
อุส่าห์ก่อนผ่อนรำพึงถึงอนงค์ไหนก็คงจะเสร็จสมอารมณ์ เอย ฯ
            
๏ อย่า รุมสวาสดิ์เร้าโรยศรี สลายแฮ
ร้อน      ราครมย์ฤดีดับบ้าง
ผ่อน      ทุกข์ผ่อนเทวศทวีวายว่าง      ถวิลนา
คลาย      คิดกระนิษฐ์ฤๅร้างรอดพ้นกลไฉน ฯ
            

บทที่ 12 ของเจ้าพระพระองค์ที่ 3

สงสารองค์โกเมศผู้เชษฐา
ด้วยร้อนรุ่มกลุ้มใจในอุราเพราะโรคาขุ่นข้องให้หมองใน
ทั้งเจ็บปวดยวดยิ่งสิ่งสาหัสให้เบาขัดบุพโพคั่งลงหลั่งไหล
จนผ้าเปื้อนประเปรอะเลอะเทอะไปเพราะตามใจเร่งร้อนไม่ผ่อนเพลา
ดังเรือดั้งคู่ชักหนักทุกเล่มฝีพายเต็มกระทุ้งถี่ทุกฝีเส้า
ไม่รอรั้งกำลังไล่มิได้เบาสะดุดสะเด่าตอหลักจนหักค้าน
แต่รักษาห้าหกเจ็ดแปดหมอเป็นหลายหม้อยาย้ายก็หลายขนาน
ถึงสี่เดือนเงือดงดอดมานานพยาบาลเป็นนิรันดร์ทุกวันมา
เดี๋ยวนี้คลายก็ยังหายไม่สู้สนิทเวียนแต่ผิดสำแดงครุ่นวุ่นรักษา
กลับเปื่อยพังบังเหตุให้เวทนาเพราะโรยยาก็ยิ่งเป็นไม่เว้นวาย
ถ้าแม้นไม่ไปวังยังอยู่วัดจักบำบัดโรคร้อนค่อยผ่อนหาย
งดไปวังเสียเถิดยังไม่เคลื่อนคลายอันภิปรายห้ามปรามด้วยความรัก
ซึ่งพาทีชี้แจงสำแดงโทษอย่ากริ้วโกรธชอกช้ำว่าคำหนัก
อันของดีนี้ควรสงวนนักอย่าให้หักบุบค้านเสียการ เอย ฯ
            

บทที่ 13 ของเจ้าพระพระองค์ที่ 2

สงสารองค์อนุชานักหนาหนอ
ดูจริตนั้นเห็นผิดติดข้างบอทำอ้อต้อเกี้ยวเด็กเล็กเล็กชม
ทัดบุหรี่สองหูดูฉุยฉายตบแต่งกายแต่ล้วนสีอันดีห่ม
ฝีปากกล้ามิใช่เบาเจ้าคารมทำสวยสมใส่แหวนก้อยน้อยน้อยเดิม
พระทัยหวังเจ้ามั่งก็ไม่ได้ความอึงไปแล้วก็หมางออกห่างเหิน
กระดากกระดักกระเดื่องเฉยทำเลยเกินครั้นเห็นเขาเล่าก็เมินไม่แลดู
เดี๋ยวนี้จิตคิดจะไปวัดหน้าพระธาตุที่ตำหนักสังฆราชเสด็จอยู่
ชะช่างหมายจะเล่นหลานเจ้าลำภูน่าอดสูคนบ้าขายหน้า เอย ฯ
            

บทที่ 14 ของเจ้าพระพระองค์ที่ 1

น่าสมเพชเวทนานัดดาจ้าน
มาลอบเล่นกระดางลางเอาอย่างพาลทำอาการวิปริตผิดแต่ไร
ไม่เอาเยี่ยงขัติยาบ้าอุบาทว์เกี้ยวสวาสดิ์เรียนรู้แต่ครูไหน
ฉวยฉายชื่อระบืออึงถึงกรมไกรเป็นความใหญ่เห็นไม่มิดต้องพิดทูล
แม้นทรงทราบเรื่องนี้คงมีโทษไหนจะโปรดรำงับให้ดับสูญ
จะกริ้วว่าทุจริตผิดประยูรเสียสกูลอัปรยศปรากฏขจร
ไปเที่ยวรักเขาทุกแห่งพึ่งแจ้งเหตุทั้งเณรเนตรเณรมั่งใครสั่งสอน
ยั้งดื้อดึงขึงขัดไม่ตัดรอนจะผูกกรตียับให้อับอาย
เขาร้องฟ้องมากมายเป็นหลายเรื่องจนขุ่นเคืองถึงข้างในไม่รู้หาย
ไม่รักยศสงวนศักดิ์รักษากายทำแต่ขายพักตราน่ารำคาญ
ในวัดนี้แล้วมิหนำซ้ำวัดโน้นให้เขาโพนทะนาเที่ยวว่าขาน
ล้วนข้อขำระยำยับอัประมาณเหมือนประจานปวดเจ็บเหน็บสกนธ์
เมื่อความวัวยังไม่หายความควายเพิ่มความต่อเติมความขุ่นวุ่นหลายหน
จะภาคทัณฑ์ไว้สักครั้งระวังตนเอาทานบนมิให้เล่นเช่นนั้น เอย ฯ
           

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น