๏ ยามสองสั่งเสร็จเข้าไสยาสน์ | สำราญราชกมลบนบรรจถรณ์ | |
พร้อมด้วยสาวสุรางค์นางนิกร | บ้างขับกลอนกล่อมเสียงสำเนียงนวล | |
วิเวกแว่วแจ้วเจื้อยเรื่อยรี่ | ประสานปี่หนีแบบแล้วแหบหวน | |
จังหวะรำมะนาตีทีจะชวน | ระนาดขบวนฆ้องขานประสานซอ | |
เสนาะสำเนียงเหมือนนางในบนไกรลาส | บำเรอราชเทวฤทธิ์อดิศอร์ | |
ยิ่งทรงฟังวังเวงเพลงพระลอ | ระทดท้อนึกในอาลัยวัง | |
จำเป็นจำไปให้ประจักษ์ | เป็นห่วงรักจะไม่มีที่ฝากฝัง | |
แสนวิตกในอุระเพียงจะพัง | สุดหวังสั่งสร้อยสุดามาลย | |
หวนรำลึกนึกอายจะพรายแพร่ง | รหัสแจ้งรู้ฉาวจะร้าวฉาน | |
สงสารนักลักลายุพาพาล | แต่นี้นานมิได้แนบอนงค์นอน | |
โอ้ว่าชู้คู่เชยเคยสวาท | อรุณรุ่งจะบำราศแรมสมร | |
ระทดจิตคิดอาลับใจอาวรณ์ | ระทมถอนหฤทัยเหมือนไฟลาม | |
เอะหนักรักนี่สิหนักจริงเจียวหนอ | อันหนักอื่นเล่าก็พอจะหาบหาม | |
เคยสมานสารสอบเจ้าตอบตาม | คดีความถี่ถ้วนสำนวนใน | |
ทีนี้จะจำทิ้งทุกสิ่งสวาท | จะนิราศร้างมิตรพิสมัย | |
เสียงดุเหว่าเร้าแสงอโณทัย | สกุณไก่ขันเพรียกเร่งเรียกคน | |
หิรัญเรื่อสิ้นแสงบุหลันฉาย | ดาวประกายพฤกษ์เด่นนภาหล | |
ระฆังพระแก้วตีเตือนเหมือนเย้าคน | ก็อึงอลแซ่ซ้องเสียงปลุกกัน | |
ให้หนาวละอองน้ำฟ้าสะท้านอก | แสนวิตกเสียวจิตคิดกระสัน | |
พัสตราที่เคยอุ่นฉวีวรรณ | สักร้อยชั้นถึงจะห่มไม่บรรเทา | |
วิบากแล้วแก้วตายุพาพักตร์ | จะจากรักชวดละโบมโฉมเฉลา | |
เหมือนควักจิตปลิดดวงในทรวงเรา | แม้ยลพักตร์จะได้เล่ายุบลแสดง | |
จะเชิญพระพายเธอไปชวนก็จวนแล้ว | จะฝากแก้ววรนุชก็นึกแหนง | |
จะเชื่อลมกลัวลักชิดคิดระแวง | ฉวยพลิกแพลงกลับกลายเสียดายนาง | |
เจ้าอยู่หลังจงระวังอุบัติเหตุ | ยุพเรศจะยินร้ายจงวายหมาง | |
ที่สิ่งชอบพี่ยาเจ้าอย่าจาง | จงตัดทางเรื่องเล่นเหมือนเช่นเคย | |
ถึงตัวไปใจพี่ยังผูกรัก | ไม่นานนักสักหน่อยนะน้องเอ๋ย | |
ยังกริ่งเป็นเหมือนเช่นว่าชะล่าเลย | ด้วยเห็นใจอยู่ว่าเปรยสุหร่ายเชือน | |
แต่ครั้งนัดว่าจะไปประพาสทุ่ง | พอย่ำรุ่งให้มารับแล้วกลับเลื่อน | |
ถึงนัดใหม่เราใช้ให้ไปเตือน | ก็ซ้ำเบือนบากทีมีธุระ | |
นัดไว้แล้วไม่ไปให้เหมือนนัด | เฝ้าขืนขัดเคืองคำทำเขะขะ | |
ฤๅชอบชู้คู่อื่นที่ไหนคะ | เชื่อง่ายเสียดายนะย่อมจะเป็น | |
จะเปรียบรักก็ใช่ภัคินีน้อง | จะควรเคืองฤๅมาข้องระคางเข็ญ | |
ฤๅว่าคราวจะดึงจึงหมางเร้น | เออก็เห็นอยู่ว่าจวบจะจำจร | |
อรุณรุ่งก็นึกลายุพาพักตร์ | บำบวงหมู่สุรารักษ์ฝากสมร | |
อยู่หลังอย่าให้มีราคีรอน | อย่าให้หลงคำวอนละเลิงลม ฯ | |
๏ พอเสนาะระหึงพึงระเวงร้อง | โอ้จะร้างห่างห้องสุนงค์สม | |
เวลาจวนก็จำลุกจากบรรทม | ฝืนอารมณ์แย้มเยี่ยมตำหนักแกล | |
วายุพัดรวยรสบุปผาชาติ | ชมนาดหอมกระไรจริงเจียวแหล | |
เคยเปลี่ยนบุหงาที่เจ้าร่ำทำห่อแพร | แต่นี้จะแหห่างเหือดบำเรอรวย | |
จึงหลั่งสังข์แผ้วมุขสุชลคร่ำ | แล้วสรงน้ำทิพมนต์หายระหวย | |
ชีพ่อพราหมณ์ถวายชัยอำนวย | สงฆ์อวยปริตแซ่คุณาธรรม | |
ครั้นเสร็จสรงสุคนธ์วิภูษิต | ฉลุวิจิตรลายทองจำลองขำ | |
ฉลองทรงรัดองค์ล้วนพื้นดำ | ตามกำลังวันเสาร์สังเกตจร | |
ธำมรงค์รายรัดพระหัตถ์รอบ | มงคลประกอบยอดทับทิมบนเรือนหมอน | |
เพชรมณฑปเหลี่ยมวิลาศปาดยอดรอน | มรกตเหลี่ยมเกสรเท่าผลบัว | |
โกเมนน้ำหมึกทั้งบุษย์นอก | มุกดาเท่าบัวปอกเป็นหมอกทั่ว | |
เพชรฑูรย์สังวาลกลิ้งอยู่เต็มตัว | นิลไม่ชั่วใสโปร่งตลอดซับ | |
ทั้งเก้าวงล้วนผูกเป็นเรือนยอด | สลับเพชรบ่าสอดแกมสลับ | |
อีกวงหนึ่งธำมรงค์สำหรับทัพ | นพเก้าเรืองประดับระยับพราย | |
แล้วทรงรัดเข็มขัดประจำมั่น | เรือนครุฑเพชรกุดั่นกระสันสาย | |
วะวาบวับแววเวียนวิเชียรราย | สอดสายสังวาลนพรัตน์ | |
ขอเกี่ยวสายรองถักทองร่อน | ทรงกระบี่ด้ามมังกรคู่หัตถ์ | |
พฤฒามาตย์หมอบเสียดอยู่เยียดยัด | เป็นขนัดแน่นนั่งทั้งนอกใน | |
โหรประจำนาฬิกาคอยทูลฤกษ์ | อุทัยเบิกรัศมีแผ้วผ่องใส | |
โมงสามบาทก็พิฆาตซึ่งฆ้องชัย | แจ่มใจกราบเกล้ามนัสการ | |
ฉลององค์ปฏิมาสัทธรรม์สงฆ์ | ชุลีองค์จอมนรินทร์ปิ่นสถาน | |
ขอพระเดชปกเกศขจัดพาล | แก่งกันดารมหรณพครรไลลา | |
เสด็จครองถวัลยราชอยู่ภายหลัง | ขอจงยังเกียรติยศเพิ่มสุขา | |
ทั่วประเทศเขตขอบรอบสิมา | ชั่วดินฟ้ายิ่งยศภิญโญยืน ฯ | |
๏ ให้เชิญพระบรมธาตุเสด็จก่อน | ครรไลจรด่วนเด็ดด้วยจำขืน | |
ไม่ทันไปฤๅจะใคร่นครคืน | ทำแสร้งขืนฝืนอารมณ์ข่มฤทัย | |
ถึงทวารแล้วก็สั่งอารักษ์สถิต | ช่วยป้องปิดไภยันให้จงได้ | |
เห็นสภาคไทยทานสำราญใจ | อุทิศไว้เป็นนิจประกอบบุญ | |
ถึงประตูท่าน้ำตำแหน่งฉนวน | รื้อรัญจวนชู้ลับกลับหมกมุ่น | |
แซ่สำเนียงอวยสวัสดิ์เขาการุญ | ค่อยนึกอุ่นอิ่มใจโสมนัส | |
ที่นั่งครุฑทอดท่าเตรียมเสด็จ | ดังจะเห็จนภมาศดูอาจอัด | |
จับพญานาคินทร์บินรวบรัด | สองหัตถ์ถือธงพชัยยุทธ | |
ลงยันต์ลายทองตำรับหลวง | เด่นดวงเป็นรูปวายุบุตร | |
จารงคร่ำใส่ช่องสองข้างครุฑ | ฝรั่งคอยเตรียมชุดจะจุดปืน | |
นายสมอเตรียมสมอประจำกว้าน | พนักงานคล่องแคล่วไม่ขัดขืน | |
สรั่งเตรียมคลี่ใบขยับยืน | พลแจวเร่งรื่นประจำแจว | |
ใส่เสื้อปัสตูแขนสั้น | โหมดคั่นขลิบคู่เป็นสองแถว | |
หมวกปีกยอดปักพู่ดูวับแวว | กางเกงแล้วด้วยแพรส่วยทอ | |
ยอดเสารายธงริ้วปลิวสะบัด | พระพายพัดแลละลิ่วเป็นทิวหนอ | |
จำรัสแสงแดงล้วนน่าพึงพอ | ธงรบปักหว่างสมอเป็นคู่กัน | |
ที่นั่งท้ายรวบรูดวิสูตรโถง | เป็นจรรโลงแผ้วโศกให้เสื่อมกระสัน | |
สองข้างท้ายลายเครือเจือสุวรรณ | วายุผันระยับพู่จุรีราย | |
พระแสงปืนล้วนถุงหักทองขวาง | มีหลายอย่างขุดคร่ำต้นเหลี่ยมหลาย | |
แฝดสองรางสันคอลาย | ทองปรายปลายหอกรายเรียง | |
ช่องแกลห้องท้ายบานปิด | เป็นรูปวิจิตรเยี่ยมพักตร์แทบทักเถียง | |
ยิ้มละม้ายคล้ายสตรีเป็นทีเมียง | ถวิลเวียงฤๅมาเมินให้เร่งตรอง | |
จึงเสเบือนพิศกราบสะอาดเรียบ | ดูระเบียบช่องปืนเป็นแถวถ้อง | |
รายแคมสองข้างลำประจำซอง | กระสุนสองนิ้วกึ่งชาติปากพระ | |
ระวังหน้าคอยรักษาถือถ่อจ้อง | นายท้ายเตือนร้องอยู่เอะอะ | |
เห็นเรือมากกลัวสมอจะเกาะพะ | คอยทอดปะทะท่าฤกษ์อยู่เป็นทิว | |
ทั้งท้ายหน้าใส่เสื้อแดงแขนเขียว | ดูแรงเรียวสวมหมวกเกาจิ๋ว | |
กางเกงยกทอไหมเป็นลายริ้ว | ดังจะลิ่วเย้ายวนให้ชวนทรง | |
ที่นั่งกราบส่งเสด็จขึ้นเรือใหญ่ | สถิตในบัลลังก์ท้ายสูงระหง | |
ชาวมหาดซึ่งตามเสด็จลง | ก็แต่งกายประจงประกวดกัน | |
ล้วนแต่ใส่เสื้อเข้มขาบแดง | เป็นริ้วแย่งขลิบครุยดูคมสัน | |
เชิญเครื่องตามตำแหน่งที่แบ่งปัน | ข้างในกลั่นล้วนสุนงค์ที่ทรงลักษณ์ | |
ทั้งโอรสบุตรีที่เปรมโปรด | ปราโมทย์ที่ได้โดยบันเทิงหนัก | |
จำเนียนองค์งามทรงจำนงพักตร์ | สมศักดิ์สมศรีฉวีวร | |
ทางทอดทัศนาเรือข้าบาท | แต่ละลำดูอาจชาญสมร | |
พร้อมเสร็จที่จะข้ามชโลธร | พลากรสวมเสื้อใส่หมวกแดง | |
ลมลงธงปลิวสีสลับ | เหลืองเขียวแดงจับรวีแสง | |
แสดขาวประจำลำมิให้แคลง | จัดแจงเป็นระเบียบตำแหน่งกอง | |
ข้าหลวงใหญ่โปรดให้โดยเสด็จ | ก็พร้อมเสร็จเตรียมทอดเป็นแถวก้อง | |
เรือตาริ้วสำหรับนำลำคลอง | จัดเอาเรือมาดทองที่เดินดี | |
เรือประตูคู่ชักทั้งขวาซ้าย | พวกฝีพายแลวิไลใส่เสื้อส | |
ที่นั่งครุฑยุดพญาวาสุกรี | ประทับที่เทียบท่าพิมานลอย | |
ที่นั่งรองพายทองกราบสลัก | พิศพนักดอกเด่นเหมือนเช่นสอย | |
ลายกุดั่นดวงดุลประดับพลอย | ดูหยดย้อยแวววาวราวกับเพชร | |
ประทับท้ายพระที่นั่งบัลลังก์ครุฑ | สำหรับพระนุชกับนางงามตามเสด็จ | |
ในท้องมาดชาดทาเอาผ้าเช็ด | บโทนท้ายจัดเสร็จสำอางตา ฯ | |
๏ พวกนางในแต่งตัวแต่หัวค่ำ | อาบน้ำขัดสีแล้วมิสา | |
เอาน้ำส้มเข้าชโลมประโคมทา | อาบแล้วผลัดผ้าราวสองยาม | |
ลางคนค้นหาภูษาสี | ลางนางที่ไม่มีเที่ยวไถ่ถาม | |
จะเช่ามิใช่ขอไม่ต่อตาม | เพราะรักงามตามง้ออย่าล้อเลย | |
ลางอนงค์มั่งมีเป็นที่สุด | ไม่อุตลุดใช้ข้าวางหน้าเฉย | |
กุญแจหายบ่าวหาว่าเปรยเปรย | เองไปเผยม่านตรองพานทองทับ | |
ลางนางลนควันเทียนจนเวียนเนตร | น่าสังเวชลืมตัวจนลมจับ | |
ลางนางนอนผึ่งลมกลัวผมยับ | มิใคร่หลับกลับลุกมือประคอง | |
ตีสิบเอ็ดยังไม่เสร็จสำเร็จเรื่อง | แม่ขวัญเมืองบุตรีไม่มีสอง | |
บรรทมเหนือแท่นที่ประเทืองทอง | พระพี่เลี้ยงเคียงประคองทั้งสี่นาง | |
พอไก่ขันกระชั้นอยู่แจ้วแจ้ว | ดุเหว่าแว่วส่งเสียงเมื่อจวนสาง | |
อรุณเรืองจำรัสฟ้านภาพางค์ | ทั้งสี่นางเจ้าก็ปลุกบรรทมเธอ | |
ขวัญแม่ตื่นบรรทมชนนาเวศ | ดวงเนตรของพี่ไม่มีเสมอ | |
ขวัญแม่อย่าเหงาเฝ้าละเมอ | ลืมเผยอให้พี่อุ้มสัมผัสองค์ | |
จงฟื้นองค์ชำระกระแสสินธุ์ | ประทุมทิพย์ไหลรินแทบอ่างสรง | |
พระบุตรีตื่นชม้อยค่อยดำรง | เสด็จตรงเข้าห้องสนานใน | |
แล้วส่งให้ไขท่อประทุมทอง | น้ำกุหลาบอาบละอองเย็นใส | |
รวยรื่นชื่นรสสุมาลัย | อรไทสรวลสันต์จำนรรจา | |
สรงเสร็จทรงเครื่องสำอางอบ | ฟุ้งตระหลบหอมหวนอวลนาสา | |
ผัดพักตร์ผิวผ่องเหมือนทองทา | ดังจะเย้ยจันทราเมื่อราตรี | |
ภูษาทรงจีบประจงเข็มขัดรัด | อรเอวอ่อนอัดสำอางศรี | |
สไบบางริ้วทองปิดของดี | สอิ้งมณีทับทรวงดวงจินดา | |
กรรเจียกจรงามงอนพอสมพักตร์ | แลเลิศวิไลลักษณ์ดังเลขา | |
ประดับด่วนจวนเสด็จยาตรา | โขลนจ่าอึกทึกทั้งวังใน | |
บ้างวิ่งวุ่นขึ้นมาทูลว่าพร้อมเสร็จ | เชิญเสด็จเยาวยอดพิสมัย | |
รีบถวายบังคมลาแล้วคลาไคล | เร่งไปจัดแจงตำแหน่งตน | |
พระพี่เลี้ยงทั้งสี่ขมีขมัน | รีบรัดจัดสรรอยู่สับสน | |
สั่งข้าหลวงให้ไปตามสามสิบคน | ล้วนสกนธ์งามดีเหมือนตีพิมพ์ | |
แน่งน้อยช้อยชดหยดย้อย | ใส่สายสร้อยแฝงเฟี้ยมเสงี่ยมหงิม | |
ห่มย่นอย่างดีสีทับทิม | ประไพพริ้มยิ้มละไมอยู่ในที | |
ลางนางรูปสวยรวยรื่น | ขัดขมิ้นเป็นพื้นซัดสองสี | |
ใส่แหวนยันต์ลงยาราชาวดี | ไม่พ่วงพีพิศเพ่งก็เคร่งครัด | |
ลางนางรูปงามทรามสวาท | แต่ลำมาดเล่าก็เหมาะดูเหยาะหยัด | |
สวยสมคมขาวสาวสันทัด | ไม่พักผัดพักตร์ผ่องละอองนวล | |
พร้อมอนงค์เสด็จลงจากปรางค์รัตน์ | ก็อึงอัดพรั่งพรูประตูฉนวน | |
ขึ้นสู่วอช่อฟ้าเพลาจวน | เสด็จด่วนลงบัลลังก์ที่นั่งรอง | |
หลวงแม่เจ้าท้าวนางสำอางอวด | ทุกหมู่หมวดเปรมปรีดิ์ไม่มีหมอง | |
เรือหน้าคอยระวังฟังเสียงกลอง | กึกก้องท้องชลาตั้งตาแล ฯ | |
๏ ครั้นได้ฤกษ์ที่จะจรถอนสมอ | เขาฉุดช่อกว้านอึงคะนึงแส้ | |
เสียงสำเหนียกเรียกร้องฆ้องกระแต | กำหนดแน่พร้อมกันบรรเทาทุกข์ | |
พลแจวกราบแล้วลุกยืนจ้อง | ลั่นฆ้องขานโห่น่าสนุก | |
ฝรั่งจุดปืนนารายณ์ปราบยุค | สนั่นเสียงเหมือนจะปลุกให้ลืมครวญ | |
บรรดาเรือข้าบาทโดยเสด็จ | สิ้นเสร็จสามสิบลำถ้วน | |
สมไพร่หลวงขุนนางนายฝีพายญวน | เก็บจำนวนได้บาญชีสี่พันร้อย | |
โห่ทุกลำครั่นครื้นจุดปืนรับ | ถึงโจมจับไพรีไม่มีถอย | |
ที่นั่งเคลื่อนดังจะเลื่อนพโยมลอย | เมฆคล้อยลมว่าวลงพัดส่งท้าย | |
บันลือเสียงปี่พาทย์ทั้งกลองนำ | ล้วนแจวจ้ำลำล่องไม่ขาดสาย | |
นทีกระฉอกเป็นระลอกแตกกระจาย | มัจฉาว่ายลอยกลาดด้วยมัววน | |
ทั้งสองฟากแซ่ซ้องเสียงสวัสดิ์ | ดูแออัดหน้าท่าทุกแห่งหน | |
เรือขึ้นล่องมิได้เว้นทุกตัวคน | ผู้ดีจนเข็ญใจอำนวยพร ฯ | |
๏ ถึงหน้าตำหนักแพท่าฉนวน | รื้อรัญจวนหวนโศกฤทัยถอน | |
น้อมเศียรศิโรโรตม์ชุลีกร | ปิ้มจะรอนชีพล่วงทำลายทรวง | |
ยิ่งยลทิพมนเทียรยอดปราสาท | จำรัสมาศฉลุแก้ววิเชียรช่วง | |
พิศดูบันลายกุดั่นเป็นดอกดวง | จำหลักร่วงก้านกอดดูยอดเปลา | |
ทั้งเช้าเย็นเคยทูลละอองบาท | จะจำขาดคิดคิดก็ยิ่งเศร้า | |
เทพดาและจะเห็นน้ำใจเรา | อาพระเดชปกเกล้าอยู่เป็นนิจ | |
โดยแต่เรือที่นั่งครุฑที่ทำใหม่ | ยังมิได้ทรงเผด็จเสร็จสถิต | |
ก็เพราะทรงพระเมตตามิได้คิด | จึงประสิทธิประทานให้ไว้เกียรติยศ | |
จะให้ระบือลือทั่วทั้งปักษ์ใต้ | พระคุณล้ำแดนไตรไม่เทียมหมด | |
ชุลีลาหวั่นว้าฤทัยระทด | นาวาเคลื่อนเลื่อนจรดถึงท้ายเมือง | |
สองฟากฝั่งกระแสแพจอดเรียบ | เป็นระเบียบแม่ค้าขนัดเนื่อง | |
จะเลือกพิศพอให้จิตสร่างประเทือง | มิรู้กลับรื้อเรืองถวิลกลอน | |
เออกระไรหญิงไร้เหล่านี้หนอ | หาลออช่างไม่เทียบละอองสมร | |
ยลไหนเคืองนัยนายิ่งอาวรณ์ | เหมือนร้อยแสงศิลป์ศรระดมยิง | |
ไม่ไกลใกล้กับเวียงแต่เพียงนี้ | ควรฤๅที่เสื่อมงามทรามทุกสิ่ง | |
อย่าเมินนักเลยมักชักชวนประวิง | ก็เอนอิงพิงก่ายลลาฏครวญ ฯ | |
๏ ลับคุ้งเหลียวดูปราการรัตน์ | บังขนัดแมกไม้เชิงเลนสวน | |
พิศต้นผลผการวยรัญจวน | น่าใคร่ชวนชูชื่นมาสอยทรง | |
เห็นลำเจียกดอกดาษตามแนวฝั่ง | ถวิลหวังลำเจียกน้องต้องประสงค์ | |
จึงจารึกซึ่งลิขิตลายหัตถ์ลง | ผู้สื่อซ่อนรับไปส่งเป็นกลอนยาว | |
เห็นระกำรื้อจำระกำแค้น | เจ้าตอบแทนครั้งปะหนันนั้นเจียนฉาว | |
จะซ่อนชู้จนเขารู้ปิ้มเป็นคาว | เชื่อเด็กสาวจึงได้แซ่กระแสความ | |
แม้นใช้คนสองขนคงชนชนะ | ถึงใครปะไหนจะเปิดให้เชิดสนาม | |
เพราะดับดีจึงมิได้ลุกลาม | เราทั้งสามจึงได้เสื่อมบรรเทาทุกข์ | |
ยิ่งคะนึงความหลังครั้งเราโศก | แสนวิโยคมีแต่เข็ญไม่เป็นสุข | |
น้ำขึ้นเขาเร้าแจวเร่งรุก | ดูรื่นเริงบันเทิงสนุกทุกตัวคน | |
แต่ฝ่ายพี่นี้ผู้เดียวดูเปลี่ยวนัก | เพราะเคี่ยวรักมาค้างอยู่กลางหน | |
จะตัดธุระก็ไม่เสื่อมสิ้นกังวล | คิดจะกลับแต่ต้องจนจะจำจร | |
จึงเสเบือนเชือนพิศในริมฝั่ง | ดูสะพรั่งสวนสลาสูงสลอน | |
ล้วนทรงผลต้นโอนจนโคนชอน | ทั้งดิบอ่อนสงแน่นแขวนคอยัด | |
เขานิยมอยู่ว่าหมากแถบบางล่าง | สลาอย่างนี้ฤๅเรียกสลาจัด | |
เจ้าเคยผ่าหน้าเปรียบเทียบทัด | แกล้งกลั่นคัดมาให้อยู่เป็นนิจ | |
โอ้แต่นี้ที่สิ่งเคยแค่นเคี้ยว | ถึงปากเปรี้ยวผากผงก็จนจิต | |
เพาะจำไร้ไกลสวาทบำราศมิตร | สุดที่ใครจะประดิษฐ์บรรจงทำ | |
พอเพลาตะวันเที่ยงเต็มแสบท้อง | สัญญาฆ้องสั่งให้ตีกำหนดย่ำ | |
ก็ทิ้งสมอรอแจวสิ้นทุกลำ | จะจอดอยู่ท่าน้ำเพลาลง | |
ตรงตำแหน่งอาวาสที่สร้างไว้ | เพราะตั้งใจว่าจะลาบรรดาสงฆ์ | |
กฐินทานก็เฉพาะไว้เจาะจง | แล้วคิดพาแสนสุนงค์ประพาสคลอง | |
พอชาวมหาดเขาตั้งกระยาถวาย | ถวิลหวังดังจะวายทำลายหมอง | |
เพลาเคยฤๅมาเพี้ยนผิดทำนอง | เคยเพี้ยมพร้องพร้อมไม่ขาดเลย | |
คะนึงพักตร์พิศพักตร์ไม่เห็นพักตร์ | เจ็บยิ่งจริงเจ็บรักนะอกเอ๋ย | |
เพลากินก็กินแค่นไปตามเคย | กำสรดเสวยแค้นกลั้วแต่วาริน ฯ | |
๏ เสพย์โภชนาแล้วพาคณาเรศ | ลงประเวศที่นั่งกราบไปกฐิน | |
อันตั้งใจใช่มุ่งสมบัติอินทร์ | จิตถวิลศิวโมกขดับกันดาร | |
พอนาวาประทับท่าฉนวนวัด | รีบรัดจัดพลเหมือนสระสนาน | |
อัญเชิญองค์กฐินที่รองพาน | คณาเชิญบริขารขนานไป | |
พนักงานเชิญพระแสงแต่งองค์ | งามอนงค์เหมือนดาราจำรัสไข | |
แวดล้อมดวงบุหลันที่ครรไล | บ้างแข่งเคียงเรียงไหล่ไม่ละลด | |
บรรดานางลงเรือสิเชื่อทรง | จึงทะนงล้วนเก่งด้วยกันหมด | |
ที่ชายทรามมันคอยรอทรยศ | พอถึงที่อุโบสถน้อมเบญจางค์ | |
ฉลององค์ปฏิมากับทั้งสงฆ์ | บุษบงมาเลศต่างต่าง | |
ธูปเทียนอามิสไตรยางค์ | ถวายด้วยอุตมางค์จะลาจร | |
แล้วถวายกฐินทานอุทิศสงฆ์ | ตั้งสัจจาด้วยจำนงสโมสร | |
ว่าครั้งนี้จะโดยทางชโลธร | ขอกุศลช่วยรอนภยันตราย | |
จิตจำนงจะประสงค์ไปคราวนี้ | เป็นการกตเวทีนี่หนึ่งหมาย | |
กับอนึ่งเขาก็นับว่าเป็นชาย | ถึงจะวายก็ไม่ละซึ่งความเพียร | |
ด้วยนึกไว้ว่าจะไหว้เจดีย์ฐาน | อันบุราณท่านวิจิตรสถิตเสถียร | |
จะได้ถวายปะฏากประทุมเทียน | เฉลิมกลางแว่นเวียนสักสามวัน | |
จะมีงานมหรสพสมโภช | หุ่นโขนอุโฆษให้ครื้นครั่น | |
ราตรีจะให้มีหนังประชัน | ระทาขันพุ่มพ้อมเพลิงพะเนียง | |
เดชะสัตย์ขอให้เสร็จมโนนึก | จะแล่นลึกลมร้ายจงหลีกเลี่ยง | |
ทั้งคลื่นใหญ่ปลาร้ายอย่าใกล้เคียง | ให้พลันชื่นคืนเวียงโดยสัจจา | |
สงฆ์สมมติสวดครองกฐินแล้ว | ก็ผ่องแผ้วศรัทธาหรรษา | |
พระสงฆ์สวดอวยชัยให้วัฒนา | ชุลีลาจากสงฆ์แล้วลงเรือ ฯ |
พระบวรราชนิพนธ์: กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น